Categories
สูตรอาหาร

น้ำปู ทำเอง อร่อย เหมือนกินที่ภาคเหนือ

น้ำปู

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ น้ำปู เครื่องปรุงรสภาคเหนือสูตรเด็ดพร้อมบอก วิธีเก็บรักษาน้ำปู อย่างไรให้หอมอร่อยไม่เปลี่ยน มาดูกันเลย

ส่วนผสมในการทำ น้ำปู

น้ำปู

น้ำปูอาหารถิ่นของทางภาคเหนือ หรือ น้ำปูเชียงใหม่ การเรียกชื่อ แล้วแต่ว่า เกิดและโตที่จังหวัดไหน ? ซึ่งอาหารชนิดนี้ มีความคล้ายกับ น้ำปลาร้า ของทางภาคอีสาน และ น้ำบูดูของทางภาคใต้ พูดง่าย ๆ คือ เป็นเครื่องปรุงของแต่ละภาค นำมาแต่งกลิ่นและรสให้กับอาหารเมนูนั้น

น้ำปู

น้ำปู๋ สำเนียงเหนือ เกิดจากการนำปูนา มาล้างให้สะอาด ว่ากันว่า ใช้ปูนาถึง 1 กิโลกรัม กว่าจะได้น้ำปู๋ 1 ถ้วยเล็ก ๆ ให้พี่น้องชาวเหนือได้รับประทาน โดยใช้วิธีนำปูนาที่ล้างสะอาดแล้ว มาตำในครกให้ละเอียด ตำกับตะไคร้ เพื่อลดกลิ่นคาว หรือเพิ่มในส่วนของใบขมิ้น ใบมะกอกหรือใบฝรั่งก็จะดับกลิ่นคาวจากตัวปูได้ จากนั้นเตรียมผ้าขาว กรองเอากากออก นำส่วนผสมที่กรองแล้วมาเคี่ยวในหม้อ เติมเกลือและน้ำมะกรูด เคี่ยวต่อจนเป็นสีดำและข้นถึงขนาดที่ว่า เมื่อนำมาหยดลงบนใบมะม่วง น้ำปู๋ไม่ไหล โดย จังหวัดน่าน จะเรียกเครื่องปรุงนี้ว่า น้ำปู๋พริก เกิดจากการผสมพริกป่นกับกระเทียม แล้วนำน้ำปูมาเคี่ยวจนเกือบแห้ง ซึ่งทางภาคเหนือ จะใช้น้ำปู๋แทนกะปิ น้ำปลา และเกลือ

วัตถุดิบน้ำปู

น้ำปูหรือน้ำปู๋ เป็นอาหารพื้นเมืองของทางภาคเหนือ เหมือนกับทางภาคใต้ ที่จะเป็นน้ำบูดู โดย มีวัตถุดิบที่ต้องเตรียมดังต่อไปนี้

  1. พริกหนุ่มเผา 7 เม็ด
  2. กระเทียมไทยเผา2-3 หัว
  3. น้ำปู 1-2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำปลาตามชอบ
  5. ไข่ต้ม1-2 ฟอง
  6. ผักลวก ผักสด ต่างๆตามชอบ 
น้ำปู

วิธีทำ

ขั้นตอนที่ 1 นำพริกหนุ่มและกระเทียมไปเผาจากนั้นลอกเอาเฉพาะผิวออก อันเป็นจุดเริ่มต้นของการทำน้ำปู

ขั้นตอนที่ 2 นำพริกหนุ่มกับกระเทียมที่เผาและลอกเปลือกออกแล้ว ไปตำในครกให้ละเอียด รับประกัน จะได้รสชาติหอม แต่เผ็ดพอประมาณ เหมือน น้ำปูปักษ์ใต้

ขั้นตอนที่ 3 ใส่น้ำปูที่เตรียมไว้ มาคลุกกับส่วนผสมน้ำพริกหนุ่มและกระเทียมที่ตำละเอียดแล้ว เคล้าให้เข้ากัน หรือใครที่ยังนึกภาพไม่ออก ดูตัวอย่างวิธีการทำ น้ำปูpantip จากนั้นชิมรส ถ้ายังรู้สึกว่า ขาดรสเค็ม เติมน้ำปลาลงไปได้เลย

ขั้นตอนที่ 4 วิธีรับประทานน้ำปู เหมือนกินกับน้ำพริก กินคู่กับไข่ต้ม ข้าวสวย ผักลวก แล้วแต่เรา จะเป็นบล็อคโคลี แครอท กะหล่ำปลี ผักบุ้ง มะระขี้นก หรืออื่น ๆ 

น้ำปู

น้ำปูถือว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยๆ ที่ได้ผลค่อนข้างดี เป็นอีกหนึ่งเมนูสำหรับผู้ที่ต้องการจะควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วน อีกทั้ง ยังนำมาราดกินกับขนมจีนไปพร้อมกับแหนม ก็อร่อยและเข้ากันมาก ๆ จะเลือกกินแบบไหน อยู่ที่ความชอบ ทำให้น้ำปู เป็นอีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจและใครก็ทำได้ การเก็บรักษา เก็บในที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนจนเกินไป หรือ ถ้าปรุงแล้ว เก็บในตู้เย็น กินได้หลายมือ

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

อ่อมเอ็นวัวใส่ผักนางเลิศ อาหารลาวสไตล์บ้าน ๆ รสอร่อยหอมนัวแซ่บสะใจ 

อ่อมเอ็นวัวใส่ผักนางเลิศ

พอนึกถึง แกงอ่อม อาหารลาวนัว ๆ หอมแซ่บเครื่องแกงทีไร น้ำลายไหลทุกทีเลย เพื่อน ๆ ว่าไหม แถมวันนี้ลงตลาดเจอวัตถุดิบอร่อย ๆ อย่างเอ็นวัวด้วยแล้ว ต้องจัดเมนูนี้เลยจ้า อ่อมเอ็นวัวใส่ผักนางเลิศ สูตรนัว ๆ เครื่องแกงแน่น ๆ แซ่บ ๆ ซี้ดเผ็ดเค็ม กลิ่นปลาร้าหอม ๆ กับข้าวเหนียวร้อน ๆ เครื่องดื่มเย็น ๆ บอกเลยจัดเสิร์ฟที่ไรเกลี้ยงหม้อทุกที อิ่มอร่อยท้องไปตาม ๆ กัน ว่าแล้วก็น้ำลายไหลเราไปลงครัวกันเลยดีกว่า

อ่อมเอ็นวัวใส่ผักนางเลิศ อาหารลาวสุดแซ่บ ครบเครื่องสมุนไพรแน่น ๆ

อ่อมเอ็นวัวใส่ผักนางเลิศ

อาหารลาวอร่อย ๆ อย่างอ่อมเอ็นวัวใส่ผักนางเลิศ เด็ดที่น้ำซุปปลาร้านัว ๆ เผ็ด ๆ ที่ซดได้คล่องคอ ดังนั้นเครื่องพริกแกงต้องแน่นนั่นเอง วัตถุดิบและส่วนผสมที่ให้ไว้เพื่อน ๆ สามารถปรับเพิ่มหรือลดปริมาณตามชอบได้เลยนะ ใครชอบเผ็ดเพิ่มพริก ใครชอบรสอ่อนก็ลดพริกกันไป และใครที่ชอบผักเยอะ ๆ ก็เพิ่มผักกันไปได้เลย ในที่นี้เราเพิ่มรสอร่อยของอ่อมเอ็นวัวด้วยผักนางเลิศหรือใบชะพลูหอม ๆ นะเพราะชอบโดยส่วนตัว ว่าแล้วไปดูสูตรกันเลยจ้า

วัตถุดิบและส่วนผสม

  1. เอ็นวัว ½ กิโลกรัม
  2. กระดูกหางวัว ½ กิโลกรัม
  3. ต้นหอม ผักชี 1-2 กำมือ
  4. พริกกระเหรี่ยง ตามชอบ
  5. น้ำปลาร้า
  6. น้ำปลา
  7. ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
  8. ใบมะกรูด 3-4 ใบ
  9. ใบนางเลิส 1 กำ
  10. น้ำเปล่า
อ่อมเอ็นวัวใส่ผักนางเลิศ

ส่วนผสมเครื่องแกง

  1. พริกจินดาแดง 10 เม็ด
  2. กระเทียม 10 กลีบ
  3. หอมแดง 4-5 หัว
  4. ตะไคร้ 2-3 ต้น
  5. ข่า 3 แว่น
  6. เกลือ เล็กน้อย

ขั้นตอนและวิธีทำ

  1. นำเอ็นวัวและกระดูกหางวัวมาหั่นเป็นชิ้น ๆ พอดีคำ พักไว้ 
  2. โขลกเครื่องพริก พริกจินดาแดง กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ข่า ใส่เกลือเล็กน้อย โขลกพอหยาบ พักไว้
  3. ตั้งหม้อต้มน้ำเปล่าให้เดือด จากนั้นใส่เครื่องพริกลงไปต้มต่อสัก 5 นาทีให้หอมกลิ่นสมุนไพร (ต้มเครื่องพริกก่อนจะทำให้กลิ่นสมุนไพรลดความคาวของเอ็นวัวได้ดี) จากนั้นใส่เอ็นวัวและกระดูกหางวัวลงไป ปรุงรสด้วยผงนัว น้ำปลาร้า น้ำปลา ชิมรสตามชอบแล้วตั้งไฟต้มตุ๋นต่อไปเรื่อย ๆ ระหว่างต้มให้ช้อนฟองอากาศทิ้งด้วยเพื่อให้น้ำแกงใสน่าทานยิ่งขึ้น
  4. จัดการเด็ดใบนางเลิศหรือใบชะพลูเตรียมไว้ หากใบใหญ่เกินก็หั่นซอยให้เล็กลงได้ หั่นต้นหอม ผักชี และฉีกใบมะกรูดเตรียมไว้
  5. รอจนน้ำงวดสักสองรอบและเอ็นวัวเปื่อยได้ที่ ใส่ผักนางเลิศ ใบมะกรูดฉีก ลงไปคนให้ทั่ว ใครมักเผ็ดใส่พริกกระเหรี่ยงสดเพิ่มลงไปได้เลย ชิมรสอีกรอบ โรยต้นหอมผักชี ปิดเตาตักเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวร้อน ๆ หรือเครื่องดื่มเย็น ๆ อร่อยแซ่บอย่าบอกใครเลยทีเดียว 
อ่อมเอ็นวัวใส่ผักนางเลิศ

เห็นไหม อาการลาวรสอร่อยเมนูนี้ทำไม่ยากเลย แถมยังแซ่บซี้ดเผ็ดเค็มนัวลิ้นมาก ๆ อีกด้วย อ่อมเอ็นวัว ใส่ใบนางเลิศ จะกินคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ เครื่องเคียงผักสดอย่างแตงกวากรอบ ๆ ตัดรสเผ็ดของน้ำซุปร้อน ๆ หรือเครื่องดื่มเย็นๆ ตามชอบยังไงก็อร่อยเหาะ ซดได้คล่องคอหลายเด้อ และใครที่ไม่ชอบเอ็นวัวเพราะเหนียวไป ก็อาจเปลี่ยนเป็นเอ็นแก้วได้อันนี้ก็แซ่บหลายเหมือนกัน ว่าแล้วอย่าลืมเข้าครัวโชว์ฝีมือกันน่ะ 

ผักนางเลิศ หรือ ใบชะพลู สรรพคุณดี ๆ ต่อร่างกาย

รู้ไหมว่าผักนางเลิศหรือใบชะพลูที่เราเห็นกันตามรั้วบ้านนอกหรือตามตลาดสดนั้นจัดว่าเป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านที่มากด้วยประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกาย เขามีสรรพคุณทางยาช่วยให้เจริญอาหาร และต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดี แถมยังมีเบต้าแคโรทีนที่สูงช่วยบำรุงและรักษาสายตาแก้โรคตาฟางได้ ตลอดจนยังมีสารที่ช่วยยับยั้งและชะลอการขยายตัวของเซล์มะเร็ง ใครเจอวัตถุดิบปรุงอาหารอร่อย ๆ ชนิดนี้อย่าพลาดกันเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ควรกินมากเกินไปหรือบ่อยจนเกินไปด้วยนะ เพราะอาจทำให้เวียนหัวและเกิดนิ่วในไตได้ นั่นเอง

อ่อมเอ็นวัวใส่ผักนางเลิศ

สรุป 

อ่อมเอ็นวัว ใส่ใบนางเลิศ เป็นอีกหนึ่งอาการลาวเพื่อสุขภาพที่นอกจากจะได้คุณค่าทางโภชนการดี ๆ จากเอ็นวัวและเครื่องพริกสมุนไพรแล้ว ยังได้ประโยชน์ดี ๆ จากใบนางเลิศอีกด้วย แถมเมนูอาหารอร่อย ๆ นี้ยังทานแล้วไม่อ้วนซึ่งถูกใจสาวกคนรักสุขภาพแน่ ๆ ว่าแล้วมื้อนี้ลงครัวไปทำสูตรนี้กันเลยจ้า

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

อ่อมผักขี้เหล็กใส่เอ็นวัว สูตรอาหารลาวสุดแซ่บ ทำง่าย มากประโยชน์

อ่อมผักขี้เหล็กใส่เอ็นวัว

อ่อมผักขี้เหล็กใส่เอ็นวัว เป็นอีกหนึ่งอาหารลาวแซ่บ ๆ หน้าตาแปลก ๆ ที่อร่อยนัวไม่เบาเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งเมนูง่าย ๆ จากผักพื้นบ้านที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติบ้านเรา ที่นอกจากจะนิยมนำมาประกอบอาหารไว้ทานกันแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีต่อร่างกายคนทานอีกด้วย จึงทำให้วัตถุดิบชนิดนี้หาซื้อได้ง่าย แถวบ้านใครไม่มีต้นขี้เหล็กโผล่มาให้เก็บยอดก็หาซื้อได้ตามตลาดสดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตได้เลย และพอได้วัตถุดิบดี ๆ แล้วเรามาลงครัวทำอาหารอร่อยกันเลยจ้า 

สูตร อ่อมผักขี้เหล็กใส่เอ็นวัว อาหารลาวนัว ๆ พร้อมเทคนิคให้ผักสวย ไม่ขม

อ่อมผักขี้เหล็กใส่เอ็นวัว

ทำอ่อมผักขี้เหล็กใส่เอ็นวัว อาหารลาวสูตรนี้ให้อร่อย วัตถุดิบหลักอย่างผักขี้เหล็กอ่อนไม่ควรขมมากจบกลบรสชาติของเครื่องแกงแน่น ๆ แต่ถ้าใครชอบขม ๆ ก็อาจต้มล้างยอดผักขี้เหล็กแค่น้ำเดียวก็ได้ เอาตามชอบได้เลย และสำหรับสูตรนี้ก็มาพร้อมกับทริกเล็ก ๆ ที่นอกจากลดความขมของขี้เหล็กได้แล้วเรายังได้ผักใบสวยสีสดไม่และทำให้อาหารของเราน่าตาน่าทานขึ้นอีกด้วย ว่าแล้วตามไปดูกันเลยจ้า

วัตถุดิบและส่วนผสมอ่อมขี้เหล็กใส่เอ็นวัว

  1. เอ็นวัวต้มเปื่อย 2 ขีด
  2. ใบขี้เหล็กอ่อนต้ม 3 ถ้วยแกง
  3. ใบย่านาง 3 กำ
  4. ข้าวเบือ ½ ถ้วย
  5. พริกกระเหรี่ยง ตามชอบ
  6. ใบแมงลัก 1 กำมือ
  7. ต้นหอม 1-2 กำมือ
  8. น้ำปลาร้า 3-4 ช้อนโต้ะ
  9. น้ำปลา1ช้อนโต้ะ
  10. ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
  11. ใบมะกรูด 3-4 ใบ
  12. น้ำเปล่า
อ่อมผักขี้เหล็กใส่เอ็นวัว

ส่วนผสมเครื่องแกง

  1. พริกจินดาแห้ง 8-10 เม็ด
  2. กระเทียม 10 กลีบ
  3. หอมแดง 4-5 หัว
  4. ตะไคร้ 2-3 ต้น
  5. ข่า 3 แว่น
  6. เกลือ เล็กน้อย

ขั้นตอนและวิธีทำ

  1. นำใบขี้เหล็กอ่อนไปล้างน้ำให้สะอาด เอาใบอ่อนและยอดหรือดอกไปต้มให้หายขมประมาณ 2 น้ำ แล้วบีบน้ำออก พักไว้

TIP: ต้มใบขี้เหล็กให้ผักยังสวย ไม่ขม และใบไม่เละ ให้ต้มน้ำเปล่าให้เดือดก่อนจากนั้นนำใบขี้เหล็กอ่อนใส่ลงไป ไม่ต้องคนให้ใช้ทัพพีกด ๆ ลงไป ต้มไปสักประมาณ 10 นาทีให้ตักออกแล้วนำไปแช่น้ำเย็นอุณหภูมิปกติ จากนั้นใช้กระช้อนตักขึ้นสะเด็ดน้ำ จะทำให้ใบผักไม่ช้ำและสีสวย 

อ่อมผักขี้เหล็กใส่เอ็นวัว
  1. โขลกเครื่องแกง พริกจินดาแห้ง กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ข่า ใส่เกลือเล็กน้อย โขลกให้ละเอียด พักไว้

TIP : หากอยากได้เครื่องพริกแกงหอม ๆ นำกระเทียม หอมแดง พริกจินดาแห้ง ไปย่างไฟอ่อนแล้วนำมาตำให้ละเอียดเครื่องพริกแกงจะหอมขึ้น

อ่อมผักขี้เหล็กใส่เอ็นวัว
  1. โขลกใบย่างนางกับข้าวเหนียวแช่น้ำ(ข้าวเบือ) ให้ละเอียด จากนั้นนำไปละลายน้ำแล้วคั้นเอาเฉพาะน้ำใบย่างนางข้น ๆ ประมาณ 3 ถ้วยแกง พักไว้
  2. ตั้งหม้อไฟกลาง ใส่น้ำใบย่างนางและเครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไป ต้มให้เดือด จากนั้นใส่ผักขี้เหล็กและเอ็นวัวต้มเปื่อยตามลงไป คนให้ทั่ว ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา ผงปรุงรส ชิมรสตามชอบ ปิดฝาหม้ออ่อมแกงไว้สักครู่ พอเริ่มเดือดอีกรอบใส่ใบชะอม ใบแมงลัก และใบมะกรูดฉีกลงไป คนให้เข้ากันอีกรอบ ปิดไฟตักเสิร์ฟได้เลย 

เพียงเท่านี้เราก็จะได้ อ่อมผักขี้เหล็ก ใส่เอ็นวัว อาการลาวอร่อย ๆเสิร์ฟคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ อย่างแซ่บแล้ว ใครที่ชอบเครื่องเคียงผักสดก็เก็บมากินเป็นกับแกล้มด้วยก็ได้ เลือกได้ตามชอบได้เลย 

ประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายจาก ผักขี้เหล็ก

อ่อมผักขี้เหล็กใส่เอ็นวัว

ผักขี้เหล็ก จัดเป็นพืชสมุนไพรที่สามารถขึ้นได้เองตามธรรมชาติ มีสรรพคุณทางยาและประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายคนทานมาก ๆ อาทิ มากด้วยเบต้าแคโรทีนที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในคนได้ ใบขี้เหล็กมีแคลเซียม ฟอสฟอรัสในปริมาณสูง ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยบำรุงสมอง บำรุงประสาท แถมยังมีธาตุเหล็กที่ช่วยสร้างเม็ดเลือกแดงได้ดี เป็นต้น แต่ก็มีโทษอยู่ด้วยเช่นกันหากทานมากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อตับได้ด้วย ดังนั้นรับประทานแต่พอดีจะดีกว่านั่นเอง

สรุป 

อ่อมผักขี้เหล็กใส่เอ็นวัวเป็นอีกหนึ่งอาการลาวเพื่อสุขภาพได้เลยทีเดียว ที่วัตถุดิบทำอาหารมาจากพืชสมุนไพรพื้นถิ่นบ้านเรา นอกจากเมนูอาหารนี้จะแซ่บนัวได้ใจแล้ว ยังให้ประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายคนทานอีกด้วย แล้วอย่าลืมเอาสูตรนี้ไปทำทานกันนะ

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

ส้มหมูลาว อาหารลาวแซ่บคัก ทำง่าย เก็บไว้กินได้นาน

ส้มหมูลาว 

ส้มหมูลาว เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารลาวที่นิยมทานกันอย่างแพร่หลายทั้งคนลาวฝั่งโขงและคนไทยเกือบทุกภาค ซึ่งคนไทยจะเรียกเมนูนี้ว่า จิ้นส้ม หรือ แหนม นั่นเอง เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เกิดจากการถนอมอาหารไว้กินยามขาดแคลนหรือเก็บไว้ได้นานขึ้นที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ โดยหลักการง่าย ๆ ของการหมักหมูกับเกลือ แล้วมัดใส่ถุงหรือห่อใบตองไว้ เพื่อให้จุลินทรีย์ในเนื้อสัตว์ทำปฏิกิริยากันภายใน สามารถเก็บไว้ได้หลายวัน และเนื้อหมูที่ได้จะมีรสออกเปรี้ยวติดลิ้น แต่จะให้อร่อยแซ่บได้รสชาติ ไม่เหม็นคาว เหม็นหืน ก็ต้องสูตรส้มหมูลาวจากครัวลาวฝั่งโขงนี้เลยจ้า รับรองทำทานเองก็อร่อย ทำขายก็ได้ราคางาม ๆ แน่นอน ว่าแล้วไปดูสูตรกันเลย

ส้มหมูลาว สูตรถนอมอาหารลาวรสเด็ด จากต้นครัวลาวฝั่งโขง

ส้มหมูลาว 

ต้องบอกเลยว่าส้มหมูลาว อาหารลาวรสแซ่บนี้ถึงจะทำได้ง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน แต่จะให้อร่อยติดลิ้นคนทานนั้นค่อนข้างยาก เพราะหากทำได้ไม่ดีส้มหมูที่ได้อาจเหม็นคาว สีไม่สวย จนดูไม่น่าทานได้เลยทีเดียว แต่สูตรส้มหมูบวกเคล็ดลับต่อไปนี้ช่วยให้เพื่อน ๆ ได้ของอร่อย ๆ แซ่บลิ้นแน่นอนว่าแล้วไปกันเลย

วัตถุดิบและส่วนผสม สำหรับทำ ส้มหมูลาว

  1. เนื้อหมู 1 กิโลกรัม (เลือกหมูสดที่ติดมันนิด ๆ จะดี)
  2. หนังหมู ½ กิโลกรัม (อันนี้ถ้าชอบส้มหมูที่หนังเยอะ สามารถเพิ่มปริมาณได้ตามชอบ)
  3. กระเทียมไทย ประมาณ 5-10 หัว
  4. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับหมู 1 กิโลกรัม)
  5. ข้าวเหนียวนึ่ง 1 ถ้วย 
ส้มหมูลาว 

ขั้นตอนและวิธีทำ 

  • ล้างหนังหมูสดให้สะอาด ขูดเอาขนออกให้เกลี้ยง แล้วนำไปต้มให้สุก (ระหว่างต้นให้พลิกกลับด้านหนังหมูด้วยเพื่อให้สุกได้ทั่วถึง) 

TIP : วิธีสังเกตหนังหมูสุกได้ที่หรือยังให้ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ๆ ลงไปบนหนังหมูต้ม ถ้าจิ้มเข้าหนังหมูได้ง่ายแสดงว่าสุกได้ที่แล้ว

  • จากนั้นนำหนังหมูสุก ไปล้างในน้ำสะอาดอีกครั้งเพื่อคลายความร้อนทันทีให้เมือกที่ติดอยู่ตามหนังออกให้หมด พักสะเด็ดน้ำไว้ (ขั้นตอนนี้เพื่อให้ได้หนังหมูสีสดสวย ไม่ดำคล้ำ และเหนียว)
ส้มหมูลาว 

TIP : ใครที่ไม่ชอบส้มหมูที่เป็นเมือก ๆ ขาว ๆ แนะนำให้ขูดเอาไขมันที่ติดด้านในหนังหมูออกจะได้เส้นหนังหมูที่ดูใสและน่าทานมากกว่าหนังหมูติดไขมัน

  • บดหรือสับเนื้อหมูให้ละเอียดพอดี ๆ ไม่แหลกมากเกินไปเพราะอาจทำให้เนื้อส้มหยุยเกินไปไม่น่ากินได้ เสร็จแล้วตักใส่ชามผสม พักไว้
  • นำหนังหมูต้มสุกมาหั่นเป็นเส้น ๆ (บางหรือหนาตามชอบ) จากนั้นนำไปใส่ในชามผสมพร้อมเนื้อหมูสับ เติมเกลือ ข้าวเหนียว และตำกระเทียมไทยพอหยาบ ใส่ลงไป (ใครชอบรสเค็มหน่อยเพิ่มเกลือเข้าไปได้)
  • ขยำคลุกเคล้าเครื่องปรุงทั้งหมดให้เข้ากัน เมื่อเข้ากันดีแล้ว ปั้นเป็นก้อน ๆ เล็กใหญ่ตามชอบ แล้วนำไปห่อด้วยใบตองหรือใส่ในถุงพลาสติก ไล่ลมออกและปิดปากถุงให้แน่นเพื่อไม่ให้อากาศเข้าได้ 
  • ทิ้งไว้ในอุณหภูมิปกติประมาณ 1 วัน (สำหรับหน้าร้อน) ก็นำมารับประทานกับเครื่องเคียงอย่าง พริกขี้หนูหรือกระเทียม อร่อยแซ่บหลายเด้อจ้า 
ส้มหมูลาว 

TIP : สำหรับใครที่ชอบเปรี้ยว ๆ ก็ทิ้งไว้ในอุณหภูมิปกติกสัก 2 วัน จะได้รสชาติเปรี้ยวเค็มพอเหมาะ ทั้งนี้ความเปรี้ยวของส้มหมู่จะอยู่ที่สภาพอากาศด้วย อย่างหนาว ๆ อาจทิ้งได้ได้ถึง 3-4 วันได้ แต่ว่าอย่าทิ้งไว้เกินอาทิตย์น่ะ เปรี้ยวเกินอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้จร้า แถมเนื้อจะเป็นเหมือก ๆ ทานไม่อร่อยด้วย 

คุณค่าและประโยชน์ต่อสุขภาพ

นอกจากส้มหมูจะเป็นอาหารลาวแซ่บ ๆ ที่มีรสชาติถูกปากเรา ๆ แล้ว รู้ไหมว่าเมนูอาหารอร่อย ๆ นี้ยังมาพร้อมกับคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อร่างกายด้วย อาทิ เนื้อหมู ให้โปรตีนที่ดี กระเทียมไทย ช่วยลดอาการหวัดและช่วยบำรุงหัวใจได้ดี แต่การซื้อส้มหมูมาทานอาจต้องระวังเรื่องความสะอาดและระยะเวลาของการทำด้วยนั่นเองเพราะอาจปนเปื้อนเชื้อราที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้นั่นเอง 

ส้มหมูลาว 

สรุป 

ส้มหมูลาวนับเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารลาวที่ทำได้ง่าย ๆ  แต่ก็ต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดเป็นหลักใหญ่ ๆ ด้วยเพื่อให้การเก็บถนอมอาหารมีคุณภาพ รสชาติดีและเก็บได้นานขึ้นด้วย ว่าแล้วหยุดอยู่บ้านงวดนี้ลองทำกันดูก็ไม่เลวนา

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

ส้มปลาลาว อาหารลาวฉบับทำเองง่าย ๆ ปลอดภัย ไม่เละ เก็บได้นาน

ส้มปลาลาว

ใครเป็นสาวกอาหารลาวแซ่บ ๆ อย่าง ส้มปลาลาว ที่ไม่ว่าจะกินแบบดิบ ๆ คู่กับพริกสด กระเทียมสด หรือปรุงแบบหมก ทอด ยำ ก็ได้รสอร่อยติดลิ้น ต้องไม่พลาดกับวิธีทำและเคล็ดลับสำคัญที่เรานำมาแนะนำในบทนี้เด็ดขาด เพราะถึงแม้ว่าการทำปลาส้มจะมีไม่กี่ขั้นตอน วัตถุดิบไม่กี่อย่าง แต่ก็ไม่ง่ายน่ะที่จะให้ได้เนื้อปลาแน่น ๆ รสชาติอร่อย ไม่คาว และเก็บได้นานสุด ๆ ว่าแล้วใครอยากรู้เคล็ดลับดี ๆ ในการทำปลาส้มให้อร่อยตามไปดูกันเลย และบทนี้เราขอเลือกเป็นเมนู ส้มปลาบึกหวาย มาแนะนำกัน

ส้มปลาลาว สูตรอาหารลาวแซ่บ ๆ กับเคล็ดลับความอร่อยที่ทำได้ไม่ยาก

ส้มปลาลาว

ก่อนทำอาหารลาวแบบส้มปลาลาว นั้น เราต้องรู้ก่อนว่าปลาชนิดไหนที่นิยมนำมาทำปลาส้มกันเพราะไม่ใช่ปลาอะไรก็ทำได้อร่อยนั่นเอง ส่วนมากจะเลือกปลาที่มีลำตัวค่อนข้างแบน ให้เนื้อมาก เนื้อเหนียว และติดมันเป็นบางส่วน เพราะจะทำให้ปลาส้มนั้นเนื้อแน่น ไม่ยุ่ย และมีสีขาวนวลน่าทาน ในที่นี้เราเลือก ปลาบึกหวาย มาทำกันเพราะหาซื้อง่ายและเนื้อแน่นตรงสเปกเป๊ะด้วย ว่าแล้วลงมือทำกันเลย 

วัตถุดิบและส่วนผสม สำหรับทำ ส้มปลาลาว

  • เนื้อปลาบึกหวาย หรือ ปลาสวาย 2 กิโลกรัม
  • กระเทียมไทย ประมาณ 5-10 หัว
  • เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวเหนียวนึ่ง 1 ถ้วย 
  • ผงปรุงรส

ขั้นตอนและวิธีทำ 

ส้มปลาลาว
  • นำเนื้อปลาปึกมาล้างให้สะอาด เสร็จแล้วหั่นเป็นท่อน ๆ พอดี ๆ ไม่บางเกินไป จากนั้นใช้ด้านข้างมีดทุบเนื้อปลาให้เนื้ออ่อนลงเล็กน้อย 
  • เตรียมชามผสม ใส่เนื้อปลาลงไปในชามผสมนำเกลือป่นมาคลุกเนื้อปลาให้ทั่ว ลูบ ๆ ขยำนิด ๆ ให้ทั่วเนื้อปลาทุกชิ้น จากนั้นพักไว้ประมาณ 30 นาที 

TIP : คลุกเคล้าเกลือป่นให้ทั่วชิ้นปลาและขยำอย่างเบามือ เพื่อให้ปลายังคงสีสวย ไม่ช้ำ และเกลือจะช่วยล้างกลิ่นคาว ไม่มีปลามีกลิ่นเน่าได้ด้วย

  • หลังจากนั้นนำปลาหมักเกลือออกมาล้างน้ำให้สะอาดสัก 3-4 น้ำ หรือจนกว่าน้ำล้างปลาจะใส เพื่อเอาเกลือออกให้เกลี้ยงเพราะไม่งั้นจะทำให้เนื้อปลาเค็มเกินไป ไม่เปรี้ยว และน้ำปลาส้มจะออกขุ่นแดง ๆ ไม่ใสน่าทาน เพราะเนื้อปลามีเลือดค้างอยู่ จากนั้นพักสะเด็ดน้ำไว้
  • คั้นเนื้อปลาที่สะเด็ดน้ำแล้ว กับ เกลือ ผงปรุงรส และกระเทียมตำพอแหลก ข้าวเหนียว จากนั้นขยำคลุกเคล้าเครื่องปรุงทั้งหมดให้เข้ากันอย่างเบามือ ปิดปากหม้อด้วยพลาสติกให้แน่นเพื่อไม่ให้อากาศเข้าได้ 
ส้มปลาลาว

TIP : ข้าวเหนียวที่นำมาคลุกกับเนื้อปลาให้ล้างน้ำเอาเมือกข้าวออกให้หมดเพื่อให้ปลาส้มได้สีสดน่าทาน ไม่ขุ่นน้ำเมือกข้าว

  • ทิ้งไว้ในอุณหภูมิปกติประมาณ 3-4 วัน (สำหรับหน้าร้อน) ก็นำมารับประทานกับเครื่องเคียงอย่าง พริกขี้หนูหรือกระเทียม หรือนำไปปรุงแบบหมก ทอด ยำ เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวร้อน ๆ อร่อยแซ่บหลาย 

TIP : สำหรับใครที่ชอบเปรี้ยว ๆ ก็ทิ้งไว้ในอุณหภูมิปกติกสัก 1 อาทิตย์ก็ได้ จะได้รสชาติเปรี้ยวเค็มแซ่บซี้ดเลยทีเดียว และพอได้รสชาติที่พอเหมาะแล้วแนะนำให้เก็บไว้ในตู้เย็นเด้อเพื่อน ๆ จะได้ไม่เปรี้ยวเกินไป อีกอย่างควรเก็บในกล่องถนอมอาหารผาปิดหรือถุงพลาสติกมัดปากถึงอย่างมิดชิดเพื่อไม่ให้อากาศเข้าไปทำปฏิกิริยาย่อยสลายเนื้อปลาให้เน่าเสียเร็วได้

คุณค่าและประโยชน์ต่อสุขภาพ

ส้มปลาลาว

เมนูอาหารลาวอย่าง ส้มปลาลาวบึกหวาย จัดเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพคนทานมาก ๆ เนื่องจากมีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสูง จากเนื้อปลาและสมุนไพรเครื่องหมักอย่างกระเทียมและเกลือ ซึ่งจะทานส้มปลาให้อร่อยนอกจากทานดิบ ๆ คู่กับเครื่องเคียงอย่าวกระเทียมไทย ผักสด พริกทอดหรือพริกสดแล้ว ยังสามารถนำมาประกอบอาหารเมนูอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หมกส้มปลา ส้มปลาแดดเดียวทอด ส้มปลาทอด ยำส้มปลา ซึ่งแต่ละเมนูอาหารบอกเลยว่าแซ่บซี้ดถึงใจสุด ๆ และมากด้วยประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายมาก ๆ เลยด้วย 

สรุป 

ส้มปลาลาวบึกหวาย นอกจากจะเป็นเมนูอาหารลาวรสอร่อยที่นำไปปรุงอาหารได้หลากหลายแบบแล้ว ยังจัดว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารเพื่อสุขภาพได้ด้วยเพราะไม่มีไขมันร้ายต่อร่างกาย แต่สำหรับคนป่วยที่เป็นโรคไตและความด้นโลหิตสูงอาจต้องระวังนิด ทานแต่พอเหมาะ เพราะปริมาณเกลือที่มีสูงในส้มปลาอาจไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพได้นั่นเอง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
อาหารสุขภาพ

ลาบหมากจอง (ลูกสำรอง) อาหารลาวแซ่บนัว สูตรลาวบ้าน ๆ เน้นเครื่องแน่น ๆ 

ลาบหมากจอง

ลาบหมากจอง หรือ ลาบลูกสำรอง เป็นเมนูอาหารลาวบ้าน ๆ ของคนลาวฝั่งใต้ที่นิยมทานกันมาก ด้วยรสชาติเผ็ดนัวและหอมปลาร้า เครื่องลาบสมุนไพรแน่น ๆ ทำให้เมนูนี้กลายเป็นอีกหนึ่งอาหารจานโปรดของสายแซ่บรักสุขภาพที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักมาก ๆ อีกเมนูหนึ่งเลยทีเดียว เอาเป็นว่าใครอยากเปลี่ยนรสอาหารหวาน ๆ จากลูกสำรอง มาเป็นอาหารคาว ๆ อย่างลาบหมากจองบ้าง ตามเรามาดูกันเลย 

ลาบหมากจอง (ลูกสำรอง) อาหารลาวแบบบ้าน ๆ เน้นเครื่องสมุนไพรแน่น ๆ สุดแซ่บ

ลาบหมากจอง

ลาบหมากจองหรือ ลาบลูกสำรอง อาหารลาวสูตรนี้บอกเลยว่าเด็ดดวงทั้งแซ่บนัวปลาร้าหอม ๆ น้ำลาบข้นเนื้อปลาเน้น ๆ เครื่องผักสมุนไพรแน่น ๆ แซ่บหลายเลยทีเดียว ใครพอมีเวลาเราอยากให้ลองทำทานกันมาก ๆ นอกจากอร่อยซี้ดสะใจแล้ว รับรองว่าเครื่องสมุนไพรแน่น ๆ ช่วยบำรุงร่างกายคนทานได้ดีแน่นอน ว่าแล้วไปลงครัวกันเลย

วัตถุดิบและส่วนผสม ลาบ หมากจอง (ลูกสำรอง)

ลาบหมากจอง
  1. หมากจอง หรือ ลูกสำรอง
  2. ปลานิล 
  3. พริกขี้หนูสด
  4. กระเทียม
  5. หอมแดง 
  6. หัวหอยขมหรือหัวหอยเชอรี่ 
  7. ผงนัว
  8. เกลือ
  9. น้ำปลา 
  10. พริกคั่วป่น
  11. นำปลาร้า
  12. ข่า
  13. ตะไคร้
  14. เครื่องเคียงผัก เช่น ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ มะเขือพวง
  15. ต้นหอมผักชี
  16. ใบสะระแหน่
  17. พริกขี้หนูสดซอย
  18. เครื่องเคียงผักสดมี ผักกาดขาว ผักกาดฉุน ผักกาดแก้ว ถั่วฝักยาว ใบโหระพาสะระแหน่ ฯลฯ

ขั้นตอนและวิธีทำ

ลาบหมากจอง
  1. เตรียมเนื้อหมากจองหรือลูกสำรอง โดยนำหมากจองแห้งไปแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้หมากจองค่อย ๆ พองตัวขึ้นจนเนื้อด้านในโผล่ออกมาจะเป็นวุ้นสีน้ำตาลใส จากนั้นค่อย ๆ หยิบผิวเปลือกหมากจองและเม็ดออกให้หมด จากนั้นนำไปกรองเอาน้ำออก พักสะเด็ดน้ำไว้
  2. ต้มน้ำให้เดือด ทุบข่า ตะไคร้ ใส่ลงไป รอน้ำเดือดได้ที่ใส่ปลาลงไปต้ม เติมรสด้วยน้ำปลาร้า ต้มต่อไปจนปลาสุก จากนั้นตักปลาออกมาพักไว้ให้เย็น

TIP : ต้มปลาในน้ำซุปข่าตะไคร้เดือด ๆ จะลดกลิ่นคาวปลาลงได้

  1. นำพริกเครื่องลาบ พริกขี้หนูสด กระเทียม หอมแดง ไปคั่วหรือย่างไฟให้หอมอย่าให้ไหม้จนเกินไป จากนั้นนำมาโขลกให้พอแหลก แกะเนื้อปลาต้มสุกใส่ลงไป โขลกคลุกเคล้าและตำให้ละเอียด จากนั้นตักใส่ชามผสม 
  2. กรอกน้ำซุปปลาเอาเฉพาะน้ำ ใส่ลงไปคลุกกับเนื้อปลาโขลกในชามผสม ปรุงรสเพิ่มด้วย น้ำปลา ผงนัว พริกคั่วป่น ชิมรสตามชอบ พักไว้
  3. นำเนื้อลูกสำรองมาใส่ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันอย่างเบามือ จากนั้นซอยเครื่องเคียงลาบ เช่น ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ เด็ดมะเขือพวง หัวหอยขม ใส่ลงไปผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกรอบ ปรุงรสเพิ่มชิมรสตามชอบ ได้รสตามชอบแล้วตักใส่ถ้วย โรยด้วยต้นหอมผักชีซอย จัดเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวและเครื่องเคียงผักสด อย่าง ผักกาดขาว ผักกาดฉุน ผักกาดแก้ว ถั่วฝักยาว ใบโหระพาสะระแหน่ ฯลฯ อร่อยแซ่บอีหลีเด้อพี่น้อง
ลาบหมากจอง

ลาบหมากจอง หรือ ลาบลูกสำรอง เป็นเมนูอาหารลาวที่ทำได้ง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอนก็อร่อยแซ่บได้แล้ว ใครที่อยากกินแบบแซ่บซี้ดก็สามารถเติมพริกป่นคั่วหรือซอยพริกขี้หนูสดเพิ่มรสเผ็ดตามชอบได้เลย ตัวลาบสามารถเพิ่มเครื่องลาบอื่น ๆ ได้เลยใครจะประยุกต์พวกเต้าหู้คั่ว เห็ดหูหนู เห็ดฟาง ใส่ลงไปด้วยก็อร่อยได้อีกแบบหนึ่ง ที่สำคัญคือการทำลาบหมากจองระวังอย่าใส่น้ำซุปเยอะเกินไปจะทำให้เสียรสชาติได้

หมากจอง ประโยชน์และคุณค่าดี ๆ ต่อร่างกาย

ลาบหมากจอง

รู้ไหมว่า หมากจอง หรือ ลูกสำรอง ขึ้นชื่อว่าเป็นวุ้นจากผลไม้ป่าที่ทรงคุณค่าทางอาหารและมีสรรพคุณทางยาที่ดีต่อสุขภาพด้วยน่ะ ซึ่งสรรพคุณรวม ๆ ของเขาที่เด็ดดวงก็คือ ช่วยลดหน้าท้อง ลดไขมันร้ายอย่างคอเรสเตอรอลได้ดี แถมยังช่วยบำรุงปอด แก้แพ้ รักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ดีอีกด้วย คนจีนยังเชื่อว่าลูกสำรองนั้นแก้ร้อนใน แก้เจ็บคอ ได้ดี เราจึงเห็นยาสมุนไพรหมากจองหรือน้ำสมุนไพรลูกสำรองวางขายกันตามท้องตลาดทั่วไปอย่างแพร่หลายนั่นเอง 

สรุป 

ใครที่เคยทานเมนูอาหารหวานจากลูกสำรองมาแล้ว อยากเปลี่ยนมาลองทานอาหารคาวสูตรเด็ดอย่าง ลาบหมากจอง หรือ ลาบลูกสำรอง บ้างก็จัดว่าไม่เลวเลยทีเดียว ด้วยรสชาติเผ็ดลิ้นนัวปลาข้น ๆ หอมกลิ่นปลาร้า และกลมกล่อมด้วยเครื่องสมุนไพรพื้นบ้านแน่น ๆ รับรองว่าอาหารลาวสูตรนี้จะกลายเป็นอาหารจานโปรดของเพื่อน ๆ ได้แน่นอน อย่าลืมเอาไปทำกันนะ

อ่านบทความอื่นๆ: