Categories
สูตรอาหาร

แจกสูตร ตำ เส้น เล็ก หมูยอน้ำปลาร้า เมนูรสเด็ดเผ็ดแซ่บถึงใจ กินทีไรก็ไม่เบื่อ 

ตำ เส้น เล็ก

ในปัจจุบันเมนูอาหารรสจัดได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมนูตำทั้งหลาย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีให้เลือกทานหลายเมนูมากเลยทีเดียว ทว่าพูดถึงเมนูส้มตำแล้ว หลายคนก็มักจะนึกถึงมะละกอในฐานะวัตถุดิบหลัก แต่สำหรับเมนู ตำ เส้น เล็ก แล้ว มะละกอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย เพราะเมนูนี้จะใช้เส้นเล็กแทนเส้นมะละกอนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นเมนูดัดแปลงจากส้มตำที่น่าลิ้มลองมากทีเดียว ใครชอบทานอาหารรสเผ็ดแซ่บก็ไม่ควรพลาด 

แนะนำเมนูรสแซ่บ ตำ เส้น เล็ก หมูยอ อร่อยจนต้องร้องขอชีวิต

ตำ เส้น เล็ก

ตำเส้นเล็ก หมูยอ เป็นเมนูที่เหมาะกับคนชอบทานอาหารรสจัดอย่างมาก เพราะเมนูนี้จะเน้นปรุงรสเผ็ดเป็นส่วนใหญ่ จะสังเกตเห็นได้ว่าเมนูนี้เต็มไปด้วยพริก โดยจะใช้เส้นเล็กแทนมะละกอ เพราะฉะนั้นรสสัมผัสจะแตกต่างกันอยู่พอสมควร หากใครที่อยากลองเปลี่ยนจากการรับประทาน ส้มตำ แบบเดิม ๆ มาเป็นตำเส้นเล็กรสแซ่บที่อร่อยไม่แพ้กัน ขอแนะนำให้ลองทาน ตำ เส้นเล็ก สักครั้งแล้วจะติดใจ ซึ่งสามารถใส่หมูยอหรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ ตามชอบได้เลย 

แบ่งปันสูตร ตำ เส้น เล็ก หมูยอน้ำปลาร้า ทำเองก็อร่อยแซ่บได้ไม่แพ้ใคร

เชื่อว่าหลายคนเคยทาน ตำ เส้นเล็กหมูยอ กันมาบ้างแล้ว ถือเป็นเมนูที่อร่อยไม่แพ้ส้มตำทั่วไปเลยก็ว่าได้ ซึ่งเมนูนี้จะใช้เส้นเล็กแทนมะละกอ จึงทำให้รสสัมผัสแตกต่างจาก เมนูส้มตำ พอสมควร เหมาะกับคนชอบทานเมนูเส้นรสจัดเป็นอย่างมาก และสำหรับใครที่ยังไม่เคยทานและสงสัยว่า ตำเส้นเล็ก ใส่ อะไร บ้าง ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะวันนี้เรามีสูตร ตำเส้นเล็ก หมูยอน้ำปลาร้ามาฝากด้วย ใครอยากทานลองเอาไปทำตามกันได้เลย 

ตำ เส้น เล็ก

วัตถุดิบและส่วนผสม

  1. เส้นเล็ก 60 กรัม
  2. หมูยอ 1 แท่ง
  3. ผักบุ้งไทย 2 กำมือ
  4. ถั่วงอก 1 กำมือ
  5. เกลือ 1 ช้อนชา
  6. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  7. พริกจินดาแดง 4 เม็ด
  8. พริกแห้ง 3 เม็ด
  9. ผงชูรส 1/2 ช้อนชา
  10. มะเขือเทศ 3 ลูก
  11. ถั่วฝักยาว 3 ฝัก
  12. มะนาว 1 ลูก
  13. น้ำตาลเคี่ยว 2 ช้อนโต๊ะ
  14. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  15. น้ำปลาร้าต้มสุก 1 ทัพพี 

วิธีการทำตำเส้นเล็ก

ตำ เส้น เล็ก
  1. ขั้นตอนแรกให้เริ่มลวกผัก ต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่เกลือและน้ำตาลทรายลงไปเล็กน้อย จากนั้นนำผักบุ้งและถั่วงอกลงไปลวกให้พอสุก เสร็จแล้วนำไปน็อคด้วยน้ำเย็น
  2. นำหมูยอลงไปลวกให้สุก หลังจากนั้นตักใส่ภาชนะ ต่อมานำเส้นเล็กลงไปลวกต่อจนสุกแล้วตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำ
  3. ใส่พริกจินดาแดงและพริกแห้งลงไปในครก ตามด้วยผงชูรส ตำให้เข้ากันพอหยาบ ๆ จากนั้นหั่นมะเขือเทศและถั่วฝักยาวลงไป
  4. บีบมะนาวลงไปเพิ่มความเปรี้ยว ปรุงรสเพิ่มด้วยน้ำตาลเคี่ยว น้ำปลา และน้ำปลาร้าต้มสุก จากนั้นตำคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  5. ใส่เส้นเล็กที่ลวกไว้ลงไปในครก ตำคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นใส่หมูยอ ผักบุ้งและถั่วงอก ตำคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้งและตักใส่จานเสิร์ฟ ถือเป็นอันเสร็จพร้อมทาน 

เมนูอาหารรสเลิศ ตำเส้นเล็กหมูยอน้ำปลาร้า ปรุงรสเองตามใจชอบได้ง่าย ๆ

ตำ เส้น เล็ก

แน่นอนว่าแต่ละคนชอบรสชาติ ตำเส้นเล็ก ปลาร้า ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะระดับความเผ็ด ต้องบอกว่าจะมีทั้งคนที่ชอบทานรสเผ็ดน้อย เผ็ดปานกลาง และเผ็ดมาก สำหรับใครที่ชอบทาน ตําเส้นเล็ก เผ็ดเผ็ด สามารถใส่พริกหลาย ๆ เม็ดตามที่ต้องการได้เลย จะเห็นได้ว่าสูตรที่เราแนะนำนี้จะใส่พริกแห้งด้วย ซึ่งจะช่วยให้เมนูตำ เส้นเล็ก เผ็ดมากขึ้น อย่างไรก็ตามเครื่องปรุงอื่น ๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน หากใครชอบทาน ส้มตำ รสชาติแบบไหนก็สามารถนำมาดัดแปลงในเมนูนี้ได้เลย 

ตำเส้นเล็กหมูยอ สุดยอดเมนูตำรสเด็ด อร่อยเผ็ดแบบสะใจ ใครทำก็อร่อยได้ไม่ยาก

ตำ เส้น เล็ก

จะเห็นได้ว่าเมนู ตำเส้นเล็ก ทำได้ง่ายมาก ๆ แม้ว่าเครื่องจะค่อนข้างเยอะไปหน่อย แต่บอกเลยว่าความอร่อยนั้นจัดเต็มอย่างแน่นอน สำหรับใครที่ชอบทาน ตำปูปลาร้า รสแซ่บ ๆ เมื่อทำเมนูนี้ก็สามารถดัดแปลงรสชาติตามที่ต้องการได้เลย เรียกได้ว่าเป็นเมนูเส้นรสเด็ดที่หลายคนนิยมทานกันมากเลยทีเดียว จะทานตำ เส้น เล็กเพียงอย่างเดียว หรือจะทานร่วมกันกับ ส้มตำไก่ย่าง ก็อร่อยได้เช่นกัน หากใครสนใจอยากจะลองทำทานเอง แนะนำสูตรนี้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

แจกสูตร ผัดโป๊ยเซียน เมนูอาหารจีน หน้าตาคล้ายผัดวุ้นเส้น ทำทานได้ง่าย

ผัดโป๊ยเซียน

อย่างที่เราทุกคนทราบกันดีว่าอาหารจีนหลาย ๆ เมนูเข้ามามีบทบาทในสังคมไทยตั้งแต่ในอดีต จนปัจจุบันนี้อาหารจีนเหล่านั้นได้กลายเป็นอาหารที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จนบางครั้งเราอาจคิดว่าเมนูดังกล่าวเป็นอาหารไทยเลยก็ว่าได้ หากพูดถึงอาหารมงคลของจีนที่ขึ้นชื่อ หลายคนอาจนึกถึง ผัดโป๊ยเซียน เพราะเป็นเมนูอาหารที่สื่อถึงวัตถุดิบ 8 อย่าง และเลข 8 ก็เป็นเลขมงคลของคนจีนด้วย ต้องบอกว่าเมนูนี้มีหน้าตาคล้ายผัดวุ้นเส้นของไทยเป็นอย่างมาก แต่ทว่าทั้งสองไม่ใช่เมนูเดียวกันนะ 

ทำความรู้จัก ผัดโป๊ยเซียน เมนูอาหารมงคลของจีน เครื่องแน่น นิยมใส่วัตถุดิบ 8 อย่าง

ผัดโป๊ยเซียน

หากมองผิวเผินเราอาจเข้าใจผิดว่าเมนูนี้คือ ผัดวุ้นเส้น แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งสองเมนูแตกต่างกัน เนื่องจาก ผัดโป๊ยเซียนคือ เมนูอาหารจีนที่นิยมใช้วัตถุดิบ 8 อย่างมาผัดรวมกัน ซึ่งจะไม่มีการใส่ไข่ใด ๆ โดยคำว่า “โป๊ย” ในภาษาจีนแต้จิ๋วมีความหมายว่า 8 นั่นเอง แต่ทว่าในปัจจุบันสูตรการทำของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป หลายครั้งเราจะเห็นเมนู ผัด โป๊ยเซียน ที่มีวัตถุดิบมากกว่า 8 อย่าง ซึ่งเกิดจากการดัดแปลงตามความต้องการ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่ง อาหารจีนง่ายๆ ที่น่าทานอย่างมาก 

แชร์สูตรการทำ ผัดโป๊ยเซียน ง่าย ๆ สไตล์คนรักสุขภาพ อร่อยและได้ประโยชน์

ผัดโป๊ยเซียน

หากใครกำลังมองหา เมนูอาหารจีน ง่าย ๆ สามารถทำทานเองได้ที่บ้าน เมนูนี้ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย เชื่อว่าหลายคนน่าจะชอบไม่มากก็น้อย เนื่องจาก ผัด โป๊ยเซียน เป็นเมนูที่มีเครื่องแน่น โดยจะมีทั้งวุ้นเส้น เนื้อสัตว์และผัก ทานแล้วช่วยให้อิ่มท้องได้ไม่ต่างจากข้าว เพราะมีส่วนประกอบของวุ้นเส้น ซึ่งถือเป็นแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นาน เพราะฉะนั้นเราสามารถทานผัดโป๊ยเซียน แทนข้าวในมื้ออาหารได้เลย มาดูกันว่าสูตรการทำเป็นอย่างไรบ้าง 

ผัดโป๊ยเซียน

วัตถุดิบและส่วนผสม

  1. กุ้งสด 400 กรัม
  2. อกไก่ (หั่นเป็นชิ้น) 400 กรัม
  3. วุ้นเส้น 120 กรัม
  4. ผักบุ้ง (หั่นเป็นชิ้น) 20 กรัม
  5. ผัดกาดขาว (หั่นเป็นชิ้น) 20 กรัม
  6. แครอท (หั่นบาง) 20 กรัม
  7. เห็ดฟาง (หั่นเป็นชิ้น) 20 กรัม
  8. ดอกไม้จีน 20 กรัม
  9. เต้าหู้ขาว (หั่นเป็นชิ้น) 20 กรัม
  10. ถั่วลันเตา 20 กรัม
  11. หอมหัวใหญ่ (หั่นบาง) 1 หัว
  12. เหล้าจีน 2 ช้อนโต๊ะ
  13. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
  14. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  15. น้ำปลา 1 ช้อนชา
  16. น้ำมันสำหรับผัด 3 ช้อนโต๊ะ
  17. ต้นหอมและขึ้นฉ่าย (หั่นบาง) 

วิธีการทำผัดโป๊ยเซียน 

ผัดโป๊ยเซียน
  1. ขั้นตอนแรกตั้งกระทะด้วยไฟกลาง เทน้ำมันลงไป จากนั้นนำหอมหัวใหญ่ลงไปผัดจนสุกและมีกลิ่นหอม
  2. ใส่เหล้าจีน ตามด้วยกุ้ง อกไก่ และเต้าหู้ขาว ผัดจนสุกแล้วใส่ผักบุ้ง ผักกาดขาว แครอท ถั่วลันเตา เห็ดฟาง และดอกไม้จีน ผัดต่อให้สุกและเข้ากันดี
  3. ใส่วุ้นเส้นลงไปและเติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย จากนั้นผัดต่อจนแห้ง
  4. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำปลา และซอสหอยนางรม จากนั้นปิดไฟแล้วตักใส่จาน โรยหน้าด้วยต้นหอมและขึ้นฉ่าย ถือเป็นอันเสร็จ 

ไอเดียทำเมนู ผัดโป๊ยเซียน ให้อร่อยและสุขภาพดี เหมาะกับสายเฮลตี้โดยเฉพาะ

ผัดโป๊ยเซียน

ด้วยความที่เป็นเมนู อาหารจีนทำเอง ง่าย ๆ เราจึงอยากแนะนำไอเดียการทำเมนูนี้ให้เหมาะกับสายเฮลตี้หรือคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ โดยการลดเนื้อสัตว์ลงและเพิ่มผักให้มากขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้เมนู ผัดโป๊ยเซียนของเรากลายเป็นเมนูอาหารคลีนที่เหมาะกับคนรักสุขภาพ นอกจากนี้หากใครกังวลเรื่องการใช้น้ำมันในการทำ เมนูผัด เราขอแนะนำให้เลือกใช้น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ อย่างเช่น น้ำมันเมล็ดคามีเลีย ถือเป็นน้ำมันที่เหมาะกับสายเฮลตี้มากทีเดียว เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกาย และมีไขมันต่ำอีกด้วย 

ประโยชน์จากผัดโป๊ยเซียน อาหารจีนทำง่าย หน้าตาน่ารับประทาน อร่อยและมีประโยชน์

ผัดโป๊ยเซียน

เรียกว่าเป็นเมนู อาหารจีน ที่มีหน้าตาน่ารับประทานมากเลยทีเดียว โดยจะมีทั้งวุ้นเส้น เนื้อสัตว์และผัก นอกจากความอร่อยแล้ว ต้องบอกว่าผัดโป๊ยเซียนนั้นยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายอีกด้วย หากทานแล้วจะได้รับสารอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ และไขมัน นับเป็นหนึ่งใน อาหารสุขภาพ ที่ทำได้ง่าย ๆ อย่างที่บอกไปว่าสายเฮลตี้สามารถทำเมนูนี้ทานเองแบบคลีน ๆ กันได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

แจกสูตร ก๋วยเตี๋ยว หลอด ทรงเครื่องสูตรโบราณ ทำทานได้ง่าย อิ่มอร่อยเครื่องแน่น

ก๋วยเตี๋ยว หลอด

ประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่โดดเด่นในเรื่องอาหารและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอาหารไทยนั้นขึ้นชื่อมาก ๆ และต้องบอกว่าอาหารไทยหลายเมนูมักได้รับอิทธิพลมาจากต่างชาติ อย่างเช่นเมนูก๋วยเตี๋ยวที่ไทยได้รับอิทธิพลมาจากจีน จนกระทั่งเมนูนี้กลายเป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย นอกจากก๋วยเตี๋ยวแบบธรรมดาแล้ว ยังมี ก๋วยเตี๋ยว หลอด ที่ได้รับความนิยมในอดีต แม้ว่าในยุคนี้จะหาทานได้ยากกว่าในอดีต แต่เมนูดังกล่าวก็มีวิธีทำค่อนข้างง่าย เราสามารถทำทานเองได้ไม่ยากเลย 

ชวนย้อนอดีตกับเมนู ก๋วยเตี๋ยว หลอด ทรงเครื่อง อาหารจีนได้รับความนิยมในไทย

ก๋วยเตี๋ยว หลอด

ก๋วยเตี๋ยวหลอด เป็นเมนูอาหารชนิดหนึ่งที่ไทยได้รับอิทธิพลมาจากจีน ซึ่งถือกำเนิดมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ทว่าในอดีตเมนูนี้จะทำโดยการนำแผ่นก๋วยเตี๋ยวนึ่งมาห่อไส้ต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะนิยมห่อไส้กุ้ง เสร็จแล้วม้วนแผ่นก๋วยเตี๋ยวให้เป็นหลอด และตัดแบ่งเป็นท่อน ๆ รับประทานโดยการราดซีอิ๊วขาวและซีอิ๊วดำลงไป นับเป็น อาหารจีน ที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี แม้ว่าในปัจจุบันก๋วยเตี๋ยว หลอด จะหาทานได้ยากกว่าในสมัยก่อนก็ตาม 

แนะนำ ก๋วยเตี๋ยว หลอด ทรงเครื่อง สูตรโบราณ ทำทานเองได้ง่าย เครื่องเยอะ 

ก๋วยเตี๋ยว หลอด

หากใครอยากทานเมนู ก๋ ว ย เตียว หลอด ทรงเครื่อง เรามีสูตรการทำมาแนะนำด้วย บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทำได้ไม่ยากนัก สำหรับใครที่รู้สึกว่าเมนูนี้หาทานได้ยากจริง ๆ ก็ไม่ต้องห่วงเลย เพราะเราสามารถทำทานเองได้ง่าย ๆ เพียงแค่เตรียมวัตถุดิบและส่วนผสมให้พร้อม จากนั้นลงมือทำตามขั้นตอนที่เราแนะนำ รับรองว่าทุกคนก็จะได้ ก๋วยเตี๋ยวหลอด ทรงเครื่องทานกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพก็ทำได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นหากใครสนใจอยากทำทานเอง มาดู สูตรก๋วยเตี๋ยว หลอด โบราณ กันได้เลย 

วัตถุดิบและส่วนผสม

ก๋วยเตี๋ยว หลอด
  1. เส้นก๋วยเตี๋ยวหลอด 1 กิโลกรัม
  2. กระดูกเล้ง 500 กรัม
  3. หมูสามชั้น 500 กรัม
  4. มันหมู 300 กรัม
  5. เต้าหู้นิ่ม 3 ก้อน
  6. สามเกลอโขลก 50 กรัม
  7. ไชโป๊ 300 กรัม
  8. กระเทียมสับ 200 กรัม
  9. โป๊ยกั๊ก 5 ดอก
  10. อบเชย 5 แท่ง
  11. น้ำตาลปี๊บ 200 กรัม
  12. ซอสปรุงรสฝาเขียว 4 ช้อนโต๊ะ
  13. ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
  14. ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
  15. เกลือ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  16. น้ำเปล่า 3.5 ลิตร
  17. น้ำมันพืช
  18. ต้นหอมผักชีซอย (สำหรับโรยหน้า) 

วิธี ทำ ก๋ ว ย เตียว หลอด ทรงเครื่องโบราณ

ก๋วยเตี๋ยว หลอด
  1. เริ่มจากตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด จากนั้นใส่กระดูกเล้งลงไป ตามด้วยโป๊ยกั๊ก สามเกลอ น้ำตาลปี๊บ เกลือ ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ เสร็จแล้วปิดฝาและต้มทิ้งไว้ 30 นาที
  2. ขั้นตอนต่อมาเตรียมเครื่องต่าง ๆ เริ่มจากตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันลงไป นำเต้าหู้ลงไปทอดจนสุกและนำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน ตามด้วยทอดหมูสามชั้นพอให้สุกเหลือง นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน 
  3. ต่อด้วยทอดมันหมูให้สุก จากนั้นใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้เข้ากัน ตักใส่ภาชนะ ปิดท้ายด้วยการนำไชโป๊ลงไปเจียวจนเหลืองและตักใส่ภาชนะ
  4. นำเส้นก๋วยเตี๋ยวหลอดใส่ลงในกระทง จากนั้นนำไปนึ่งประมาณ 15 นาที เสร็จแล้วนำออกจากหม้อนึ่ง พักไว้ นำเต้าหู้และหมูสามชั้นที่ทอดไว้มาหั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดพอดีคำ 
  5. จากนั้นนำใส่ในหม้อน้ำซุปที่ต้มไว้ เคี่ยวต่ออีก 5 นาที เสร็จแล้วยกลงจากเตา นำถั่วงอกมาลวกให้พอสุก เสร็จแล้วตักใส่ภาชนะ
  6. ขั้นตอนการจัดเสิร์ฟ เริ่มจากนำเส้นก๋วยเตี๋ยวหลอดใส่ลงในจาน ตามด้วยถั่วงอก ใส่เครื่องและราดน้ำซุปลงไป แต่งหน้าด้วยไชโป๊ กระเทียมเจียว และต้นหอมผักชีซอย ถือเป็นอันเสร็จ 

เคล็ดลับการทำ ก๋วยเตี๋ยว หลอด ทรงเครื่องให้อร่อยไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวทั่วไป

ก๋วยเตี๋ยว หลอด

เด็กวัยรุ่นสมัยใหม่อาจจะคุ้นเคยกับ ก๋วยเตี๋ยว น้ำกันมากกว่า เพราะเป็นอาหารที่หาทานได้ง่าย แต่ถ้าหากพูดถึงเมนูก๋วยเตี๋ยว หลอด ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางพื้นที่หาทานได้ยากมาก เพราะไม่ค่อยมีใครทำขายนั่นเอง แต่บอกเลยว่าความอร่อยนั้นไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวน้ำอย่างแน่นอน สำหรับเคล็ดลับ อาหารจีนทำเอง การจะทำให้เมนูนี้อร่อยไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวน้ำจะต้องเลือกวัตถุดิบสดใหม่ และควรใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรุงน้ำซุป และการทอดเครื่องต่าง ๆ ควรทำแต่ละขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน 

สุดยอดเมนูอาหารโบราณ ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง อร่อยแถมมีประโยชน์มากมาย

ก๋วยเตี๋ยว หลอด

จะเห็นได้ว่า ก๋วยเตี๋ยวหลอด โบราณ เป็นเมนูอาหารที่ทำได้ไม่ยากเลย ขั้นตอนการทำนั้นค่อนข้างง่าย ไม่ได้มีความซับซ้อนแต่อย่างใด สำหรับใครที่อยู่บ้านคนเดียวว่าง ๆ ก็สามารถนำ สูตรก๋วยเตี๋ยวหลอด ที่เราแนะนำไปลองทำตามกันได้เลย รับรองว่าจะได้ทั้งความอิ่ม ความอร่อยและได้รับประโยชน์มากมาย เรียกว่าเป็นเมนูอาหารจีนที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย จะทำทานเองก็ได้ หรือทำขายก็ดี ใครอยากทานอาหารโบราณ เราขอ แนะนำอาหารจีน เมนูนี้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

แจกสูตร ทอดมันกุ้ง เนื้อเด้งฉ่ำ ๆ รสชาติอร่อยกลมกล่อม เคี้ยวได้แบบเพลิน ๆ

ทอดมันกุ้ง

หากพูดถึงเรื่องอาหารแล้ว คนไทยเราก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกจริง ๆ เนื่องจากประเทศของเรามีเมนูอาหารที่หลากหลาย นอกจากเมนูอาหารทานกับข้าวแล้ว เมนูอาหารทานเล่นของไทยก็ขึ้นชื่อเช่นเดียวกัน และถ้าให้นึกถึงอาหารทานเล่นที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยจะนึกถึงเมนู ทอดมันกุ้ง ต้องบอกว่าเมนูนี้มาแรงมาก ๆ ไม่ว่าจะไปทานอาหารที่ไหนก็มักจะเห็นอยู่บ่อย ๆ หลายคนจึงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเด็ก ๆ หลายคนจะชอบเมนูนี้เป็นพิเศษ 

รู้จัก ทอดมันกุ้ง เมนูอาหารแสนง่าย ทานเล่นก็ได้ ทานคู่กับข้าวก็อร่อยดี

ทอดมันกุ้ง

ทอดมัน กุ้ง เป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน เพราะสามารถหาทานได้ง่าย ไม่ว่าจะทานกับข้าวหรือทานเปล่า ๆ ก็อร่อยเช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล อย่างไรก็ตามเมนูดังกล่าวได้กลายเป็น อาหาร ไทย ยอดนิยมที่พบได้บ่อยในร้านอาหาร ส่วนใหญ่คนมักจะสั่งมาทานเล่นหรือทานเป็นของว่าง โดยจะนิยมทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยหรือน้ำจิ้มอาจาด หากเป็นทอดมันกุ้ง ที่ใช้เนื้อกุ้งล้วนก็จะให้รสสัมผัสแตกต่างจากทอดมันกุ้งที่ใช้มันหมูหรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ มาเป็นส่วนผสม 

แชร์สูตรการทำ ทอดมันกุ้ง ง่าย ๆ แป้งกรอบ เนื้อเด้ง รสชาติอร่อยลงตัว 

ทอดมันกุ้ง

ต้องบอกว่า เมนู อาหาร ไทย ชนิดนี้ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน สำหรับใครที่อยากฝึกทำอาหารทานเอง เมนูนี้ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะขั้นตอนการทำค่อนข้างง่าย เพียงแค่นำเนื้อกุ้งมาสับพอละเอียดแล้วนำไปผสมกับวัตถุดิบอื่น ๆ จากนั้นปั้นให้เป็นทรงกลมและเคลือบด้วยเกล็ดขนมปัง เสร็จแล้วนำไปทอดจนสุก เพียงเท่านี้ก็จะได้ ทอดมัน กุ้ง มาทานแล้ว สำหรับใครที่อยากทำเมนูนี้ทานเองที่บ้าน วันนี้เราก็มี สูตร ทอดมัน กุ้ง แบบละเอียดมาฝากกันด้วย บอกเลยว่าสูตรนี้เนื้อแน่น เด้งและกรอบ ทานกับอะไรก็อร่อยลงตัว 

วัตถุดิบและส่วนผสม

ทอดมันกุ้ง
  1. กุ้งสด 2 กิโลกรัม
  2. มันหมูบด 1 กิโลกรัม
  3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  4. กระเทียม 10 กลีบ
  5. รากผักชี 5 ราก
  6. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลทราย 3 ช้อนชา
  8. ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
  9. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  10. แป้งทอดกรอบ 8 ช้อนโต๊ะ
  11. เกล็ดขนมปัง
  12. น้ำมันสำหรับทอด 

วิธี ทำ ทอดมัน กุ้ง

ทอดมันกุ้ง
  1. เตรียมส่วนผสมสามเกลอ นำกระเทียม รากผักชีและพริกไทยเม็ดมาโขลกให้เข้ากัน เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย พักไว้นำกุ้งมาแกะเปลือกและเอาเส้นดำออกให้เรียบร้อย จากนั้นล้างน้ำให้สะอาด
  2. นำกุ้งมาสับจนละเอียดแล้วผสมกับมันหมูบดในถ้วย จากนั้นใส่สามเกลอลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ผงปรุงรส และเกลือ ตอกไข่ไก่ลงไป เสร็จแล้วใช้มือขยำคลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน
  3. ใส่แป้งทอดกรอบลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นไว้สัก 2 ชั่วโมง ใส่เกล็ดขนมปังลงไปให้ทั่วถาด เมื่อครบ 2 ชั่วโมงแล้ว 
  4. นำส่วนผสมทอดมันกุ้งที่แช่ไว้ออกจากตู้เย็น ตักเนื้อทอดมันใส่ลงบนเกล็ดขนมปังในปริมาณพอดี จากนั้นปั้นเป็นรูปวงกลมและเคลือบด้วยเกล็ดขนมปัง
  5. ตั้งกระทะแล้วเทน้ำมันลงไปเยอะ ๆ เปิดไฟกลาง เมื่อน้ำมันเดือดได้ที่แล้วให้นำทอดมันกุ้งลงไปทอด ในระหว่างทอดให้คนอยู่เรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ทอดมันกุ้งติดกัน
  6. ทอดจนสุกกรอบเหลืองได้ที่ จากนั้นตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มบ๊วย ถือเป็นอันเสร็จ 

เคล็ดลับการทำ ทอดมันกุ้ง ให้เนื้อแน่น มีความกรอบเด้ง เคี้ยวแล้วอร่อยฟิน

ทอดมันกุ้ง

วิธี ทํา ทอดมัน กุ้ง ง่ายๆ ให้เนื้อแน่นและกรอบเด้ง คือ นำมันหมูหรือมันไก่มาเป็นส่วนผสม หากใช้เนื้อกุ้งล้วนก็จะทำให้เนื้อสัมผัสไม่ค่อยแน่นและเด้ง เพราะเนื้อกุ้งมีความบางเบา จึงจำเป็นต้องมีวัตถุดิบอื่น ๆ มาผสมให้เนื้อแน่นขึ้น ต้องบอกว่าทอดมันกุ้ง ที่ทำทานกันในปัจจุบันจะแตกต่างจาก ทอดมัน กุ้ง สูตร โบราณ เพราะกุ้งเป็นวัตถุดิบที่มีราคาแพง หลายคนจึงใช้ส่วนผสมอื่น ๆ ด้วย อย่างไรก็ตามทอดมันกุ้งก็ยังคงเป็น อาหาร ไทย ยอด นิยม ที่คุณสามารถทำทานเองได้ง่าย ๆ หากชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้นได้เลย 

ทอดมันกุ้งเมนูยอดฮิตทำทานเองได้ง่าย ๆ อร่อยได้แบบไม่ต้องง้อใคร

ทอดมันกุ้ง

จะเห็นได้ว่าเมนูนี้ทำทานเองได้ง่ายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือมือใหม่ก็สามารถทำได้ไม่ยาก นับเป็น เมนู อาหาร ไทย ยอด นิยม ที่หลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งสามารถทานเล่น ๆ กับน้ำจิ้ม หรือจะทานคู่กับข้าวก็อิ่มอร่อยไปอีกแบบ นอกจากเป็นอาหารที่คนไทยชื่นชอบแล้ว ยังเป็นหนึ่งใน อาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบ อีกด้วย บอกเลยว่าทำได้ง่ายมาก ๆ หากใครอยากลองทำทานเองที่บ้านก็สามารถนำ สูตรทอดมันกุ้ง นี้ไปทำตามกันได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

สูตร ไข่พะโล้ หมูนุ่มเด้ง น้ำซุปเข้มข้นกลมกล่อม กลิ่นหอมชวนหิว

ไข่พะโล้

ไข่พะโล้ หมู ถือว่าเป็นเมนูสุดคลาสสิกของร้านข้าวราดแกงที่ต้องมีทุกร้าน เพราะเป็นเมนูที่มีรสชาติหวาน เค็มสามารถทานคู่กับอาหารรสเผ็ดแล้วอร่อยอย่างลงตัว นอกจากนี้ไข่พะโล้ ขา หมูเนื้อนุ่มยังถือว่าเป็นอาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบทานเป็นประจำอีกด้วย เรียกได้ว่า เมนู อาหาร ไทยอย่างพะโล้ไข่ต้มได้รับความนิยมทั้งคนไทย และคนต่างชาติเลยทีเดียว 

รวมวิธีทำ ไข่พะโล้ หมูสามชั้น สูตรโบราณ น้ำซุปกลมกล่อม

ไข่พะโล้

สำหรับใครที่กำลังหาเมนูอาหารง่ายๆ ทำทานช่วงกลางวัน และสามารถทานได้ทั้งครอบครัว ขอแนะนำ เมนูไข่พะโล้หมูสามชั้น เนื้อเปื่อยนุ่มๆ น้ำซุปเข้มข้น รสชาติหวาน เค็มกลมกล่อม ในส่วนวิธี ทํา ไข่ พะโล้ ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด โดยสูตรที่เราจะมาแชร์เป็นสูตรไข่ต้ม พะโล้หมูสามชั้นโบราณ น้ำชุปเข้มข้น และอัดแน่นไปด้วยเครื่องเทศหอมเย้ายวนใจ 

วัตถุดิบ และส่วนผสมที่ต้องเตรียม

ไข่พะโล้
  1. หมูสามชั้น 500 กรัม
  2. ไข่ไก่ 5 ฟอง
  3. ดอกโปยกั๊ก 5 ดอก
  4. ซีอิ้วดำ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือ ½ ช้อนชา
  7. น้ำตาลปิ๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  8. แท่งอบเชย 3 แท่ง
  9. รากผักชี 1 ต้น
  10. กระเทียม 5 กลีบ
  11. พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
  12. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ

ไข่พะโล้หมูสูตรต้นตำรับโบราณจะใส่เครื่องเทศอย่าง ดอกโปยกั๊ก แท่งอบเชย เพื่อดับกลิ่นคาวหมู แต่หากบ้านไหนไม่มีเครืองเทศสามารถใช้เครื่องพะโล้สำเร็จรูปแทนได้หอมอร่อยเหมือนกัน และก่อนจะลงมือทำพะโล้ หมูสามชั้น ให้นำรากผักชี กระเทียม พริกไทย นำมาโขลกให้ละเอียด เตรียมไว้ก่อน 

ไข่พะโล้
  1. ในขั้นตอนแรกให้นำไข่ต้มมาต้มในน้ำเดือด ประมาณ 10 นาที ตักออกมาแช่ในน้ำสะอาด จากนั้นแกะเปลือกไข่ออก ใส่ชามพักไว้ก่อน 
  2. นำหมูสามชั้นมาล้างให้สะอาด และนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอดีคำ เตรียมไว้ก่อน เสร็จแล้วนำหม้อมาตั้งเตาใส่สามเกลอลงไป ผัดให้หอม ตามด้วยหมูสามชั้น ผัดให้เข้ากันจนหอม ปรุงรสด้วย ซีอิ้วดำ ซีอิ้วขาว น้ำตาล และซอสน้ำมันหอย ใส่ดอกโปยกั๊ก และแท่งดอกเหมย คนส่วนผสมให้เข้ากัน เคี่ยวต่อประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นใส่ไข่ต้มลงไป เมื่อเนื้อหมูเปื่อยแล้วสามารถยกหม้อออกจากเตาได้เลย
ไข่พะโล้

ไข่พะโล้หมูสามชั้นสามารถโรยต้นหอมซอย และผักชีชอยลงไป เพื่อเพิ่มความหอมมากขึ้น ในส่วนของรสชาติพะโล้มีความอร่อยครบรส และน้ำซุปเข้มข้นกลมกล่อม พร้อมทานคู่กับข้าวสวยอร่อยฟินทุกคำ สำหรับใครที่อยากทำไข่พะโล้ หนึ่งในอาหาร ไทย ยอด นิยมสามารถทำตามวิธี ทำ พะโล้หมูสามชั้นสูตรโบราณที่เราทำให้ดูได้เลย รับรองว่าจะต้องทำเพิ่มอีกสักหม้อสองหม้ออย่างแน่นอน 

เปิดเคล็บลับ ทำ พะโล้หมูสามชั้น เนื้อนุ่ม น้ำซุปไม่คาว หอมละมุน 

ไข่พะโล้

สำหรับไข่พะโล้ คือหนึ่งในเมนู อาหาร ไทย ยอด นิยมที่หลายๆ คนชอบทานเป็นอย่างมาก เพราะรสชาติไม่เผ็ด ทานง่าย อีกทั้งเมนูไข่พะโล้ยังเป็นเมนูอาหารกลางวันที่หลายโรงเรียนนิยมทำให้เด็กนักเรียนทานเป็นประจำอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้วิธี ทำ ไข่ พะโล้สามาถทำได้ง่ายๆ แต่การทำให้น้ำซุปไม่คาวนั้นค่อนข้างยาก ดังนั้นเราจึงมีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทำให้น้ำชุปไม่คาว โดยเริ่มจากการเลือกเนื้อหมูสามชั้นจะต้องเลือกเนื้อสีชมพู ไม่คล้ำ และไม่มีกลิ่นเหม็น เสร็จแล้วล้างเนื้อหมูด้วยน้ำส้มสายชูตามด้วยน้ำสะอาดอีกรอบ และนำเนื้อที่หั่นเป็นท่อนไปผัดกับสามเกลอ และนำมาเคี่ยวในน้ำชุปปรุงรสแล้ว ใช้ไฟแรง เสร็จแล้วจะได้น้ำซุปที่หอมไม่มีกลิ่นคาว แถมยังเพิ่มความอร่อยมากขึ้นอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

หมึกผัดไข่เค็ม เมนูอาหารทะเลยอดฮิต หน้าตาน่าทาน รสชาติอร่อย แถมมีประโยชน์ 

หมึกผัดไข่เค็ม

เมื่อพูดถึงเนื้อสัตว์ทะเลอย่างปลาหมึกแล้ว เชื่อว่าหลายคนจะนึกถึงอาหารหลาย ๆ เมนู เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปลาหมึกเป็นวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมมากในกลุ่มอาหารทะเล ไม่ว่าจะทำอาหารประเภทต้ม ผัด แกง หรือทอดก็อร่อยฟินได้ไม่ยาก หากเป็นเมนูผัดที่หลายคนรู้จักก็จะมี หมึกผัดไข่เค็ม อยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน ถือเป็นหนึ่งในเมนูที่ขึ้นชื่อและหลายคนก็ชอบทานอย่างมาก 

รู้จัก หมึกผัดไข่เค็ม อาหารยอดนิยมที่ใคร ๆ ก็ชอบทาน สาวกปลาหมึกต้องไม่พลาด

หมึกผัดไข่เค็ม

ปลาหมึก ผัด ไข่เค็ม เป็นเมนูอาหารทะเลที่ทำได้ค่อนข้างง่าย โดยจะนำปลาหมึกและไข่เค็มมาผัดเข้าด้วยกัน ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ รสชาติจะมีความเค็มมันแบบกำลังดี ถือเป็นอีกหนึ่ง เมนู อาหาร ไทย ยอด นิยม ในปัจจุบัน สามารถพบได้ตามร้านอาหารทั่วไป แต่ถ้าหากใครอยากทำเองก็สามารถทำได้ง่าย ๆ หากคุณเป็นคนชอบทานปลาหมึกที่มีรสสัมผัสเด้งกรุบผสมกับไข่แดง อาหาร ไทย ชนิดนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดี อย่างไรก็ตามความอร่อยของ หมึก ผัดไข่เค็ม นั้นจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัตถุดิบด้วย 

แจกสูตร หมึกผัดไข่เค็ม แบบไม่ใส่น้ำพริกเผา ได้ทั้งความสดและความกรอบ รสสัมผัสยอดเยี่ยม

หมึกผัดไข่เค็ม

หากกล่าวถึงเมนู อาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบ นอกจากมัสมั่น ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวานและอื่น ๆ แล้ว เมนูอาหารทะเลก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยม สำหรับ เมนูหมึกผัดไข่เค็ม ถือเป็นเมนูยอดฮิตที่ขึ้นชื่อในปัจจุบัน คนที่ชอบทานปลาหมึกน่าจะถูกใจเมนูนี้ เพราะเป็นการนำปลาหมึกมาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก และเนื้อสัมผัสก็มีความเด้งกรุบอีกด้วย หากใครสนใจเรามี สูตร หมึก ผัด ไข่เค็ม แบบไม่ใส่น้ำพริกเผามานำเสนอด้วย 

วัตถุดิบและส่วนผสม

หมึกผัดไข่เค็ม
  1. หมึกกล้วย 500 กรัม
  2. ไข่เค็ม (อบสุก) 5 ฟอง
  3. ต้นหอม 3 ต้น
  4. ขึ้นฉ่าย 3 ต้น
  5. หอมใหญ่ 1 หัว
  6. พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ดใหญ่
  7. กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำมันหอย 3 ช้อนโต๊ะ
  9. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  10. น้ำตาลทราย 3/4 ช้อนโต๊ะ
  11. ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
  12. น้ำอุ่น 6 ช้อนโต๊ะ
  13. น้ำมันพืช

วิธีการทำหมึกผัดไข่เค็ม

หมึกผัดไข่เค็ม
  1. เริ่มจากดึงหัวปลาหมึกออก เอาส่วนดีหมึก ตาและปากออก จากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาดและเอาเมือกออกจนเกลี้ยง เสร็จแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ
  2. หั่นต้นหอมและขึ้นฉ่ายเป็นท่อน ๆ จากนั้นนำหอมใหญ่มาหั่นเต๋าให้มีขนาดใหญ่ ตามด้วยซอยพริกชี้ฟ้าแดง ต้มน้ำให้เดือดจัดแล้วนำหมึกกล้วยลงไปลวกให้พอสุก เสร็จแล้วนำไปน็อคในน้ำเย็นทันที
  3. นำไข่เค็มที่อบจนสุกแล้วมายีให้พอแตกและใส่ลงในถ้วยผสม จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย ผงปรุงรสและน้ำอุ่น คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี
  4. ตั้งกระทะ เทน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย นำกระเทียมสับลงไปผัดด้วยไฟกลางจนมีกลิ่นหอมและเป็นสีเหลือง จากนั้นนำหอมใหญ่ลงไปผัดให้เข้ากัน เสร็จแล้วใส่หมึกกล้วยตามลงไปแล้วผัดให้พอสะดุ้งน้ำมัน
  5. ใส่ซอสไข่เค็มแล้วผัดให้เข้ากัน จากนั้นใส่พริกชี้ฟ้าแดง ต้นหอมและขึ้นฉ่ายลงไป ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง เสร็จแล้วปิดแก๊สและตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย 

เคล็ดลับการทำความสะอาดปลาหมึก ก่อนนำมาปรุงเมนูอาหารทะเลอย่าง หมึกผัดไข่เค็ม

หมึกผัดไข่เค็ม

ปลาหมึกเป็นอาหารทะเลที่มีเมือกและกลิ่นคาวมากพอสมควร หากล้างไม่สะอาดแล้วนำมา ผัด ไข่เค็ม จะยิ่งทำให้คาวมากกว่าเดิม และจะส่งผลเสียต่อรสชาติได้ ฉะนั้นหากจะนำปลาหมึกมาทำเมนู ผัด ปลาหมึก ไข่เค็ม แนะนำให้ใช้แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือ 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันกับน้ำเปล่าและล้างปลาหมึก วิธีนี้จะช่วยให้เมือกปลาหมึกหลุดออกได้ง่ายและช่วยลดกลิ่นคาวได้ด้วย หลังจากนั้นก็สามารถนำมาทำ หมึกผัด ไข่เค็ม หรือ เมนู อาหาร ไทย อื่น ๆ ได้เลย 

ประโยชน์ดี ๆ จาก หมึกผัดไข่เค็ม เมนูอาหารทะเลที่ไม่ได้มีดีเพียงแค่รสสัมผัส

หมึกผัดไข่เค็ม

ปลาหมึกเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่มักจะถูกนำมาทำเมนู อาหาร ไทย ยอด นิยม ถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารทะเลที่อุดมไปด้วยไขมันก็ตาม แต่ก็ยังมีไขมันดีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังมีโปรตีนสูง และโอเมก้า 3 ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ทั้งยังช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ กระดูกและผิวหนังอีกด้วย เมื่อนำ หมึก ผัด ไข่เค็ม ก็จะได้ประโยชน์ดี ๆ จากไข่เค็ม เช่น โอเมก้า 3 ช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง และวิตามินดีที่ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง จะเห็นว่าเมนูหมึกผัดไข่เค็มก็มีประโยชน์ดี ๆ อยู่ไม่น้อยเลย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

ไก่ผัดเม็ดมะม่วง เมนูอาหารที่เต็มไปด้วยความอร่อย และสารอาหารหลากหลายชนิด 

ไก่ผัดเม็ดมะม่วง

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ถือเป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหรืออาหารหวานก็สามารถนำวัตถุดิบชนิดนี้มาใช้ได้ นอกจากรสสัมผัสที่มีความหวานมันกรุบกรอบแล้ว ยังเคี้ยวง่าย ไม่แข็งและไม่เหนียวด้วย ปัจจุบันสามารถหาทานได้ง่าย สำหรับเมนูอาหารที่ใช้เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นวัตถุดิบหลัก หนึ่งในนั้นคือเมนู ไก่ผัดเม็ดมะม่วง เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยทานกันมาบ้างแล้ว ต้องบอกว่าการนำเนื้อไก่มาผัดกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์นั้นเข้ากันอย่างมาก 

ทำความรู้จัก ไก่ผัดเม็ดมะม่วง หิมพานต์ อาหารไทยยอดนิยม รสสัมผัสเยี่ยม อร่อยครบรส

ไก่ผัดเม็ดมะม่วง

ไก่ ผัด มะม่วงหิมพานต์ เป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่คนไทย คนจีนและชาวต่างชาติ เรียกว่าเป็น อาหาร ไทย อันมีที่มาจากอาหารตำรับเสฉวนที่ชื่อว่า “กงเป่าจีติง” รสชาติของ ไก่ผัด เม็ดมะม่วง หิมพานต์จะมีทั้งเปรี้ยว หวาน เค็มและเผ็ด เรียกได้ว่าครบรสเลยทีเดียว สำหรับในประเทศไทยเมนูนี้ก็ถือเป็น เมนู อาหาร ไทย ยอด นิยม ที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี 

แจกสูตร ไก่ผัดเม็ดมะม่วง หิมพานต์ เมนูอร่อย ๆ แถมมีประโยชน์ ทำได้ง่าย ๆ

ไก่ผัดเม็ดมะม่วง

ใครที่ยังไม่เคยทาน ไก่ ผัด เม็ด มะม่วง หิมพานต์ เราขอแนะนำให้ลองทานสักครั้งแล้วอาจจะทำให้ติดใจ หน้าตาของอาหารสามารถดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี เพราะเต็มไปด้วยสีสันต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์อีกด้วย สำหรับใครที่อยากลองทำทานเองที่บ้าน เราก็มี สูตร ไก่ ผัด เม็ด มะม่วง หิมพานต์มาฝากด้วย มาดูกันว่าขั้นตอนการทำไก่ผัดเม็ดมะม่วง เป็นอย่างไรบ้าง 

วัตถุดิบและส่วนผสม

ไก่ผัดเม็ดมะม่วง
  1. เนื้ออกไก่ 350 กรัม
  2. เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม
  3. พุทราเชื่อม 100 กรัม
  4. พริกหวาน (แดง,เหลือง,เขียว) 70 กรัม
  5. พริกชี้ฟ้าแห้ง 20 กรัม
  6. หอมใหญ่ 50 กรัม
  7. ต้นหอม 30 กรัม
  8. ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
  9. แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
  10. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
  11. เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
  12. น้ำตาลทราย 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
  13. น้ำมันสำหรับผัด/ทอด 

วิธีการทำไก่ผัดเม็ดมะม่วง

ไก่ผัดเม็ดมะม่วง
  1. ขั้นตอนแรกเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก่อนการปรุง เริ่มจากหั่นพริกชี้ฟ้าแห้งเป็นท่อนและนำเม็ดออก ต่อมาหั่นต้นหอมเป็นท่อน ๆ ส่วนหอมใหญ่ให้หั่นเต๋า และหั่นพริกหวานทั้ง 3 สี เป็นชิ้นขนาดปานกลาง
  2. นำอกไก่มาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นหั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดพอดีคำ เตรียมไว้ ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันลงไปเยอะ ๆ ใช้ไฟกลาง หลังจากน้ำมันเริ่มเดือดแล้วนำเม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไปทอดให้พอมีสีเหลือง 
  3. เสร็จแล้วตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันนำพริกชี้ฟ้าแห้งลงไปทอดด้วยไฟอ่อนให้มีกลิ่นหอม เสร็จแล้วตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน นำอกไก่มาคลุกกับแป้งสาลี จากนั้นนำไปทอดในกระทะด้วยไฟกลาง 
  4. เมื่อทอดจนสุกแล้วตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันต่อมาทอดพริกหวานและหอมใหญ่ด้วยไฟแรงให้พอสุกเล็กน้อย เสร็จแล้วปิดแก๊สและตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน
  5. ขั้นตอนการผัด เริ่มจากการทำน้ำซอส ใส่ซีอิ๊วขาวลงในกระทะ ตามด้วยซอสหอยนางรม เหล้าจีนและน้ำตาลทราย จากนั้นเปิดแก๊สโดยใช้ไฟกลาง คนส่วนผสมให้เข้ากันและเคี่ยวจนมีความข้น
  6. เมื่อเคี่ยวน้ำซอสจนข้นได้ที่แล้ว ใส่อกไก่ พริกหวาน หอมใหญ่ พริกชี้ฟ้าแห้ง พุทราเชื่อมและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไป 
  7. ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันสักระยะ จากนั้นใส่ต้นหอมลงไปและผัดให้เข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ เสร็จแล้วปิดแก๊สและตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย 

ทริคเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทอดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ สำหรับเมนู ไก่ผัดเม็ดมะม่วง

ไก่ผัดเม็ดมะม่วง

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ถือเป็นวัตถุดิบหนึ่งที่สามารถนำมาทำเป็น เมนู อาหาร ไทย ได้ทั้งคาวและหวาน แต่หากเป็นเมนูไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมื่อนำลงไปทอดในน้ำมันแล้วต้องหมั่นคนอยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้มีสีเหลืองเท่า ๆ กันทุกเม็ด หากไม่คนจะทำให้เม็ดมะม่วงที่ติดอยู่ตรงก้นกระทะเป็นสีเข้มได้ สำหรับระยะเวลาการทอดนั้นไม่นานนัก เพียงแค่ทอดให้มีสีเหลืองก็ถือว่าใช้ได้แล้ว เพราะสุดท้ายต้อง ผัด เม็ด มะม่วง รวมกับไก่และส่วนผสมอื่น ๆ ของเมนู ไก่ ผัดเม็ดมะม่วง อีกครั้ง จึงไม่จำเป็นต้องทอดให้สุกมาก 

ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมนูอาหารที่มีรสสัมผัสยอดเยี่ยม เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์

ไก่ผัดเม็ดมะม่วง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมนู ผัด ไก่ เม็ด มะม่วง หิมพานต์เป็นเมนูอาหารที่มีหน้าตาน่าทานมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีรสชาติอร่อยและเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เรียกว่าเป็น อาหาร ไทย ยอด นิยม ที่เหมาะแก่การทำให้คนในครอบครัวทานอย่างมาก นอกจากเนื้อไก่ที่มีโปรตีนสูงแล้ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ยังมีสารอาหารที่ช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ อีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไก่ผัดเม็ดมะม่วงเป็นหนึ่งในเมนู อาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบ ที่ต้องลอง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

รู้จักเมนู ต้มกะทิ สายบัว ปลาทู อาหารไทยโบราณที่ควรอนุรักษ์ พร้อมแจกสูตรการทำง่าย ๆ 

ต้มกะทิ สายบัว

สายบัวเป็นวัตถุดิบชนิดหนึ่งที่คนไทยในอดีตนิยมนำมาประกอบอาหาร โดยเฉพาะเมนูแกงต่าง ๆ จะนิยมใช้สายบัวเป็นวัตถุดิบหลัก เช่นเดียวกับเมนู ต้มกะทิ สายบัว ถือเป็นหนึ่งในเมนูอาหารไทยโบราณที่ยังคงหาทานได้ในปัจจุบัน แต่การจะหาร้านที่ปรุงได้ถูกปากถูกใจอาจเป็นเรื่องยาก เพราะสูตรการทำในปัจจุบันจะแตกต่างจากในอดีตอยู่พอสมควร ฉะนั้นการทำทานเองจึงเป็นสิ่งที่น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี 

ต้มกะทิ สายบัว เมนูแกงไทยโบราณที่น่าลอง อร่อยและมีดีกว่าที่คิด

ต้มกะทิ สายบัว

แกงสายบัว ใส่กะทิ เป็นอาหารประเภทแกงของไทยที่ได้รับความนิยมมากในอดีต สำหรับรสชาติของอาหารชนิดนี้จะมีรสเค็มจากปลาทู และรสหวานมันจากกะทิ เรียกได้ว่าเป็น อาหาร ไทย ที่ใช้เครื่องปรุงค่อนข้างน้อย อีกทั้งยังมีสูตรเครื่องแกงแบบง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง จึงเป็นเรื่องที่ดีถ้าหากคุณอยากจะทำเมนู ต้มกะทิสายบัว ทานเอง แม้ว่าจะเคยเป็น เมนู อาหาร ไทย ยอด นิยม ก็ตาม แต่ในปัจจุบันสูตรการปรุงอาจเปลี่ยนไปจากเดิม 

เผยสูตร ต้มกะทิ สายบัว ปลาทู ตามแบบฉบับคนโบราณ ทำทานในยุคปัจจุบันได้ง่าย ๆ

ต้มกะทิ สายบัว

เมื่อเทียบกับเมนูแกงอื่น ๆ ต้องบอกว่า แกง สายบัว ใส่ ปลา ทู เป็นหนึ่งในเมนูที่ใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงน้อยมาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ารสชาติจะธรรมดาเสมอไป จัดเป็นอาหารไทยโบราณที่มีกลิ่นหอมของกะทิ มีรสหวานมันและเค็ม กลมกล่อม อาจไม่ใช่เมนู อาหาร ไทย ที่ ฝรั่ง ชอบ แต่ถ้าใครชอบกลิ่นหอมของกะทิก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย มาดูกันว่าสูตรการทำต้มกะทิ สายบัว ใส่ปลาทู จะมีวิธีทำง่ายเพียงใด 

วัตถุดิบและส่วนผสม

  1. สายบัว (หั่นท่อนยาว 2 นิ้วครึ่ง) 500 กรัม
  2. มะดัน/ตะลิงปลิง 2 ลูก
  3. ปลาทูนึ่ง 2-3 ตัว
  4. กะทิกล่อง 1,000 มิลลิลิตร
  5. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนชา
  6. เกลือ 2 ช้อนชา
ต้มกะทิ สายบัว

ส่วนผสมเครื่องแกง

  1. หอมแดง 1/2 ถ้วย
  2. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  3. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีการต้มกะทิสายบัวปลาทู

ต้มกะทิ สายบัว
  1. ขั้นตอนแรกในการทำเมนูต้มกะทิสายบัวปลาทูเริ่มทำเครื่องแกง นำหอมแดงมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นนำไปตำรวมกันกับกะปิและพริกไทยป่น ไม่ต้องตำให้ละเอียดมาก เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย พักไว้
  2. ขั้นตอนต่อมาให้ต้มกะทิด้วยไฟแรงจนเดือด จากนั้นให้ใส่เครื่องแกงลงไป แล้วคนให้ส่วนผสมเข้ากัน ตามด้วยการปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลปี๊บ
  3. เมื่อกะทิเริ่มเดือด จากนั้นให้ใส่สายบัวลงไปและกดให้จมน้ำกะทิ ต่อมาใส่มะดันหรือตะลิงปลิงลงไป ต้มให้สุกพร้อมกับสายบัว
  4. เตรียมปลาทูนึ่งสำหรับขั้นตอนต่อไป โดยเริ่มจากการตัดหางปลาทูออกเล็กน้อย และใส่ลงไปในหม้อ ต้มจนสุกและปิดแก๊ส ถือเป็นอันเสร็จสิ้นเมนูอาหารไทยโบราณ

การเลือกกะทิให้เหมาะสม ช่วยให้เมนู ต้มกะทิ สายบัว หอมอร่อยและกลมกล่อมแบบสูตรดั้งเดิม

ต้มกะทิ สายบัว

วิธี แกง สายบัว ใส่ ปลา ทู ให้อร่อยตามแบบสูตรดั้งเดิม จำเป็นต้องเลือกใช้วัตถุดิบให้เหมาะสม โดยเฉพาะการเลือกกะทิ ในอดีตเมนูนี้ถือเป็น อาหาร ไทย ยอด นิยม ซึ่งจะใช้กะทิสดในการปรุง แต่ทว่าในปัจจุบันการใช้กะทิสำเร็จรูปนั้นช่วยเพิ่มความสะดวกต่อการทำอาหารได้มากขึ้น แต่เราควรเลือกกะทิสำเร็จรูปที่ทำจากกะทิแท้ 100% เพราะดีต่อสุขภาพและให้กลิ่นหอมแบบธรรมชาติอีกด้วย เมื่อนำมาทำเมนู ต้มกะทิสายบัว แล้วจะได้รสชาติใกล้เคียงกับสูตรดั้งเดิมมากขึ้น 

ต้มกะทิสายบัว ปลาทู เมนูแกงที่มีรสเปรี้ยวแฝงอยู่เล็กน้อย ตัดกับรสเค็มหวานมันได้ดี

ต้มกะทิ สายบัว

ทุกวันนี้เรายังสามารถพบเห็นเมนู แกง สายบัว ตามร้านอาหารทั่วไปได้บ้าง แต่มีน้อยนักที่จะปรุงรสชาติออกมาได้ใกล้เคียงกับสูตรโบราณ เนื่องจากวัตถุดิบบางอย่างนั้นหายาก เดิม ต้ม สายบัว กะทิสูตรโบราณจะมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย ซึ่งได้ความเปรี้ยวจากมะดัน แต่ในปัจจุบันจะหาได้ยากขึ้น ผู้ที่ทำเมนูนี้ขายจึงไม่ได้ใช้วัตถุดิบดังกล่าว ส่งผลให้ เมนู อาหาร ไทย ชนิดนี้มีรสชาติต่างจากอดีต ทั้งนี้เราสามารถใช้ตะลิงปลิงแทนมะดันได้ หรือถ้าหากไม่มีก็ไม่ต้องใส่ เพราะต้มกะทิ สายบัวก็มีความอร่อยในตัวอยู่แล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

ไก่แช่เหล้า เมนูอาหารพื้นบ้านของจีน ทานคู่กับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว ทำได้ง่าย ๆ สไตล์ร้านอาหารจีน 

ไก่แช่เหล้า

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอาหารต่างชาติหลาย ๆ เมนูได้รับความนิยมในประเทศไทย แม้ว่าบางเมนูจะเป็นอาหารพื้นบ้านก็ตาม แต่ทว่ารสสัมผัสที่ถูกปากคนไทยก็สามารถทำให้กลายเป็นอาหารยอดนิยมได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอาหารจีนหลาย ๆ เมนูที่มีรสชาติอร่อยและหน้าตาน่าทาน มักจะได้รับความนิยมในไทย และถ้าหากนึกถึงอาหารจีนพื้นบ้านที่เรามักจะเห็นตามโต๊ะจีน หนึ่งในนั้นคงจะขาดเมนู ไก่แช่เหล้า ไปไม่ได้ 

รู้จักเมนูอาหารจีนพื้นบ้านอย่าง ไก่แช่เหล้า ทำไมถึงได้รับความนิยมในประเทศไทย

ไก่แช่เหล้า

ไก่ แช่เหล้า ถือเป็นอาหารพื้นบ้านของจีนที่ได้รับความนิยมในไทย โดยเฉพาะในภัตตาคารอาหารจีน เรียกได้ว่า เมนูอาหารจีน นี้เป็นที่นิยมและขึ้นชื่อมากทีเดียว ต้องบอกว่า วัฒนธรรมอาหารจีน และอาหารฝรั่งจะนิยมนำเหล้ามาเป็นส่วนผสมของอาหาร จุดประสงค์อาจไม่ได้ต้องการทำให้มึนเมา แต่เป็นเพียงการเพิ่มรสชาติให้อาหารอร่อยขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้รสสัมผัสแตกต่างจากอาหารทั่วไปอีกด้วย เช่นเดียวกับเมนู ไก่ แช่เหล้า ทั้งนี้เหล้าบางชนิดจะเป็นยาที่ช่วยบำรุงร่างกายได้ 

แจกสูตร ไก่แช่เหล้า เนื้อนุ่ม ๆ รสกลมกล่อม มาพร้อมกลิ่นหอมของเหล้าจีน

ไก่แช่เหล้า

การนำไก่มาแช่เหล้าไม่เพียงแค่จะช่วยให้รสชาติอร่อยขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้รสสัมผัสแตกต่างจากไก่ทั่วไปด้วย หลังจากถูกหมักด้วยเหล้าและส่วนผสมอื่น ๆ แล้วจะทำให้เนื้อไก่นุ่มละมุนมากขึ้น จึงจะเห็นได้ว่า อาหารจีน หลาย ๆ เมนูจะนิยมนำเหล้ามาเป็นส่วนผสม สำหรับใครที่อยากทำเมนูดังกล่าว เรามี สูตรไก่แช่เหล้า แบบง่าย ๆ มานำเสนอด้วย บอกเลยว่าเป็นสูตรที่มีความใกล้เคียงกับร้านอาหารจีน ไปดูกันว่าขั้นตอนการทำไก่แช่เหล้า จะเป็นอย่างไรบ้าง 

ส่วนผสมสำหรับต้มไก่

  1. สะโพกไก่ติดน่อง 1 กิโลกรัม
  2. ขิงหั่น 4 แว่น
  3. ต้นหอม 3 ต้น
  4. เกลือ 1 ช้อนชา
  5. น้ำเปล่าสำหรับต้มไก่

ส่วนผสมสำหรับแช่ไก่

  1. เหล้าจีน 100 มิลลิลิตร
  2. เหล้าบ๊วย 50 มิลลิลิตร
  3. น้ำเปล่า 1 ลิตร
  4. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือ 2 ช้อนชา
  7. ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
  8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  9. ขิงหั่น 5 แว่น
  10. ต้นหอม 4 ต้น
ไก่แช่เหล้า

ส่วนผสมน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว

  1. เต้าเจี้ยว 5 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำอุ่น 2 ช้อนโต๊ะ
  4. ซีอิ๊วดำหวาน 1/2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  6. พริกขี้หนูสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  7. กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  8. ขิงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  9. ผักชีสับ 1 ต้น 

วิธีทำไก่แช่เหล้า

ไก่แช่เหล้า
  1. ขั้นตอนแรกเตรียมต้มไก่ เริ่มจากต้มน้ำให้เดือดจัดด้วยไฟแรง ใส่เกลือลงไป นำขิงและต้นหอมมาทุบพอหยาบแล้วใส่ลงไป ตามด้วยสะโพกไก่ติดน่องที่เตรียมไว้ ต้มต่อไปเรื่อย ๆ รอจนเดือดอีกครั้ง
  2. เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ต้มต่ออีก 5 นาที หลังจากนั้นพลิกไก่กลับด้านให้สุกอย่างทั่วถึง ในระหว่างนี้ให้ปรับเป็นไฟอ่อน และต้มต่ออีกประมาณ 15-20 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้อไก่ เสร็จแล้วปิดแก๊สและนำไก่มาน็อคในน้ำเย็น
  3. ขั้นตอนต่อมาเตรียมส่วนผสมแช่ไก่ เริ่มจากตั้งกระทะ ใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันงาลงไป ตามด้วยต้นหอมทุบและขิง ผัดให้มีกลิ่นหอม จากนั้นเทเหล้าจีนและเหล้าบ๊วยลงไป ต้มจนเดือด
  4. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว เกลือ ผงปรุงรสและน้ำเปล่า ต้มต่อจนเดือด เสร็จแล้วปิดแก๊สและพักทิ้งไว้ให้เย็น นำไก่ต้มลงไปแช่ในส่วนผสมที่ทำเมื่อสักครู่ จากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นอย่างน้อย 12 ชั่วโมง หรือ 1 คืน
  5. ต่อมาเตรียมทำน้ำจิ้ม เริ่มจากเตรียมถ้วยน้ำจิ้ม ใส่กระเทียมสับ พริกขี้หนูสับและขิงสับลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันและบี้เล็กน้อยเพื่อให้มีกลิ่นหอม 
  6. ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชูและน้ำตาลทราย ใส่น้ำอุ่นลงไปแล้วคนให้เข้ากัน ต่อมาใส่เต้าเจี้ยวและซีอิ๊วดำหวาน ปิดท้ายด้วยผักชีสับ เสร็จแล้วคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
  7. นำไก่ที่แช่ในตู้เย็นไว้จนครบ 1 คืน มาเลาะกระดูกออกให้หมด จากนั้นนำเนื้อไก่มาหั่นเป็นชิ้น ๆ จัดใส่จาน ราดด้วยน้ำไก่แช่เหล้า เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มที่เตรียมไว้ ถือเป็นอันเสร็จ 

เทคนิคการเลือกไก่ให้เหมาะกับเมนู ไก่แช่เหล้า ช่วยให้ปรุงสุกได้ง่ายขึ้น

ไก่แช่เหล้า

การเลือกวัตถุดิบให้เหมาะสมกับการทำเมนูนั้น ๆ ย่อมมีความสำคัญอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเครื่องปรุงหรือส่วนผสมต่าง ๆ จะเป็นตัวชูรสชาติก็ตาม แต่ทว่าวัตถุดิบหลักก็ต้องดีด้วย จึงจะช่วยให้รสสัมผัสดีขึ้นได้ สำหรับไก่ที่จะนำมาทำเมนู ไก่แช่เหล้าจีน ควรเป็นเนื้อไก่ที่ไม่เย็นจัดและแข็งจนเกินไป เพราะจะต้มให้สุกได้ยาก แนะนำให้เลือกไก่อุณหภูมิห้องจะดีกว่า สำหรับ เมนูอาหารจีนโบราณ เมนูนี้ เราควรเลือกไก่ส่วนที่มีเนื้อเยอะ ๆ เพราะถ้าปรุงเสร็จแล้วก็จะเลาะกระดูกออกให้หมด 

ไก่ แช่เหล้า เมนูอาหารจีนทำง่าย รสชาติอร่อย หอมกลิ่นเหล้า ลองแล้วจะติดใจ

ไก่แช่เหล้า

อย่างที่ทราบว่า เมนูไก่แช่เหล้า เป็นอาหารจีนพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย สำหรับสูตรที่เราแนะนำไปนั้นจะใช้เหล้าจีนและเหล้าบ๊วยเป็นส่วนผสม แต่ถ้าหากใครอยากจะใช้เหล้าชนิดอื่นก็ทำได้เช่นกัน ทั้งนี้จะต้องเป็นเหล้าที่เหมาะกับการปรุงอาหารด้วย สำหรับภัตตาคารอาหารจีน เมนูไก่แช่เหล้านั้นขึ้นชื่อมากพอสมควร หากใครชอบทานอาหารจีนก็คงพอจะทราบได้ว่าเมนูนี้เป็นหนึ่งใน อาหารจีนที่นิยม ในไทยอย่างกว้างขวาง

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

เปาะเปี๊ยะ ทอดไส้กุ้งรวมมิตร แป้งกรอบ เนื้อแน่น อร่อยฟิน เมนูอาหารว่างทำทานง่าย 

เปาะเปี๊ยะ

ถ้ากล่าวถึงอาหารไทยหลาย ๆ เมนู ไม่ว่าจะเป็นอาหารมื้อหลักหรืออาหารทานเล่น ต้องบอกว่าหลาย ๆ เมนูได้รับอิทธิพลมาจากต่างชาติ โดยเฉพาะอาหารว่างหรืออาหารทานเล่น หลายเมนูได้รับอิทธิพลมาจากจีน ต่อมาถูกปรับสูตรการปรุงให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น บทความนี้จะกล่าวถึงเมนูที่มีชื่อว่า เปาะเปี๊ยะ ถือเป็นอาหารทานเล่นชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในไทย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงมีให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ นั่นเป็นเพราะว่าเมนูนี้ทำได้ง่าย แถมทานแล้วยังอิ่มท้องอีกด้วย 

เปาะเปี๊ยะ อาหารทานเล่นยอดนิยม เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม ทานเวลาไหนก็อร่อย

เปาะเปี๊ยะ

อาหารทานเล่นอย่าง เปาะ เปี๊ยะ ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนไทยชอบทานเป็นอาหารว่างหรือทานรองท้องแทนข้าว เนื่องจากเป็นอาหารที่ทำจากแผ่นแป้งสาลี ห่อด้วยไส้ต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยหมูสับหรือกุ้ง วุ้นเส้น เห็ด กะหล่ำปลีและแครอท ทำให้มีสารอาหารเพียงพอที่ช่วยให้อิ่มท้องได้ หลายคนจึงมักจะรับประทานแทนข้าวในบางเวลา หรือจะทานเล่นในเวลาว่างก็อร่อยเพลินได้เช่นกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เปาะเปี๊ยะ ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน 

เผยสูตร เปาะเปี๊ยะ ทอดไส้กุ้งรวมมิตร มีทั้งกุ้งและหมูสับ พร้อมเครื่องต่าง ๆ ทานแล้วอร่อยลงตัว

เปาะเปี๊ยะ

เมนูอาหารทานเล่นชนิดนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ เปาะเปี๊ยะสด ห่อด้วยไส้ถั่วงอกลวก หมูตั้ง กุนเชียง เต้าหู้เค็มและแตงกวา จากนั้นราดน้ำปรุงเหนียว ๆ รสหวานเค็ม โรยหน้าด้วยเนื้อปูและไข่เจียวหั่นฝอย นิยมทานกับต้นหอมและพริกสด และอีกแบบจะเป็น เปาะเปี๊ยะทอด ห่อไส้วุ้นเส้น ถั่วงอกและเนื้อสัตว์ผัดสุก เสร็จแล้วนำไปทอด ทานกับน้ำจิ้มรสหวานอมเปรี้ยวและผักสด และสำหรับวันนี้เราขอนำเสนอ ปอ เปี๊ยะ ทอด สูตรโบราณ มาดูกันว่าจะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง 

วัตถุดิบและส่วนผสม

เปาะเปี๊ยะ
  1. แป้งเปาะเปี๊ยะ 20 แผ่น
  2. กุ้ง 20 ตัว
  3. หมูสับ 1 กิโลกรัม
  4. วุ้นเส้น (ตามต้องการ)
  5. เห็ดหอม 5 ดอก
  6. แครอท 1 หัว
  7. กะหล่ำปลี 1/2 หัว
  8. รากผักชี 3 ราก
  9. กระเทียม 10 กลีบ
  10. พริกไทยดำเม็ด 2 ช้อนชา
  11. ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
  12. ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
  13. น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
  14. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  15. ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนชา
  16. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
  17. น้ำมันสำหรับผัด/ทอด

วิธีการทำเปาะเปี๊ยะ

เปาะเปี๊ยะ
  1. นำเห็ดหอมมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตามด้วยซอยกะหล่ำปลีเป็นเส้น ๆ นำแครอทมาปอกเปลือกและขูดเป็นเส้น ๆ เสร็จแล้วพักไว้
  2. นำรากผักชี กระเทียมและพริกไทยดำเม็ด มาตำให้เข้ากันจนละเอียด จากนั้นตั้งกระทะแล้วเทน้ำมันลงไปนิดหน่อย ตามด้วยส่วนผสมที่ตำไว้เมื่อสักครู่ ผัดจนมีกลิ่นหอมแล้วใส่หมูสับตามลงไป ผัดให้เข้ากัน
  3. หลังจากผัดหมูสุกแล้ว ต่อมาใส่เห็ดหอมลงไปผัดจนสุก ตามด้วยกะหล่ำปลี แครอทและวุ้นเส้น เสร็จแล้วผัดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
  4. ปรุงรสด้วยน้ำมันงา พริกไทยป่น ซีอิ๊วดำ ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาวและน้ำตาลทราย ผัดให้ส่วนผสมเข้ากันและปิดแก๊สได้เลย
  5. นำแผ่นเปาะเปี๊ยะทั้ง 20 แผ่นมาวางซ้อนกัน จากนั้นผ่าแบ่งครึ่งเตรียมไว้ ต่อมาเริ่มห่อเปาะเปี๊ยะทีละแผ่น โดยวางแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะไว้เป็นแนวตั้ง ตักไส้ใส่ลงตรงกลางของส่วนล่างสุดของแผ่นแป้ง 
  6. จากนั้นวางกุ้งสดทับด้านบนเป็นแนวนอน ม้วนแป้งจากด้านล่างขึ้นไปด้านบน เมื่อม้วนได้ครึ่งหนึ่งของแผ่นแป้งแล้ว ใช้นิ้วแตะน้ำและทาลงบนขอบแผ่นแป้ง พับขอบแป้งซ้าย-ขวาเข้าด้านใน และม้วนแป้งขึ้นไปจนสุดขอบ
  7. ขั้นตอนการทอดเปาะเปี๊ยะ ตั้งกระทะแล้วเทน้ำมันลงไปเยอะ ๆ กะปริมาณให้ท่วมเปาะเปี๊ยะในขณะทอด เริ่มทอดด้วยไฟกลาง 
  8. ในระหว่างทอดให้คนไปมาเรื่อย ๆ เพื่อให้ตัวแป้ง รวมถึงกุ้งด้านในสุกอย่างทั่วถึง .เมื่อทอดจนสุกเหลืองสวยงามแล้ว ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มและผักตามต้องการ 

เคล็ดลับการทอดเปาะเปี๊ยะ ให้สุกกรอบ ไม่อมน้ำมัน ทานแล้วสุขภาพดี

เปาะเปี๊ยะ

การทอด แป้ง เปาะเปี๊ยะ ให้สุกกรอบแบบไม่อมน้ำมันนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยทั่วไปจะแนะนำให้ใส่น้ำมันลงในหม้อหรือกระทะเยอะ ๆ ให้ท่วมตัวเปาะเปี๊ยะ จากนั้นตั้งไฟให้น้ำมันร้อนจัดแล้วค่อยนำเปาะเปี๊ยะลงไปทอด สิ่งสำคัญของการทอดก็คือน้ำมัน แนะนำให้ใช้น้ำมันรำข้าว เพราะทนความร้อนได้สูง ทั้งยังมีสารธรรมชาติที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและต้านอนุมูลอิสระได้อีกด้วย จะช่วยให้ ปอเปี๊ยะ ทอด มีแป้งสุกกรอบแบบไม่อมน้ำมัน และเราสามารถทานเปาะเปี๊ยะได้อย่างสบายใจด้วย 

เปาะเปี๊ยะ อาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากจีน แต่ได้รับความนิยมในไทยและเวียดนาม

เปาะเปี๊ยะ

หลายคนอาจเคยได้ยินว่าเปาะเปี๊ยะเป็นเมนูอาหารที่ได้รับความนิยมมากในประเทศเวียดนาม จึงสงสัยว่าจริง ๆ แล้วอาหารชนิดนี้มีต้นกำเนิดจากที่ใดกันแน่ ต้องบอกว่าเวียดนามก็ได้รับอิทธิพลมาจากจีนในอดีตเช่นเดียวกับไทย แต่วัตถุดิบที่ใช้จะแตกต่างกัน สำหรับเปาะเปี๊ยะเวียดนามจะใช้แป้งของเวียดนามโดยเฉพาะ ต่างจากของจีนและไทยที่ใช้แผ่นแป้งสาลี และนอกจาก ปอเปี๊ยะกุ้ง แล้วยังมี ปอเปี๊ยะทอดไส้ต่างๆ ให้เลือกทานอย่างหลากหลายด้วย

อ่านบทความอื่นๆ: