Categories
สูตรอาหาร

ป่นกบ อาหารลาวนัว ๆ สูตรเด็ด ทำกินอยู่กับบ้านได้ง่าย ๆ 

ป่นกบ

ป่นกบ หรือ น้ำพริกกบ เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารลาวยอดนิยมที่อยู่คู่กับคนลาวและคนไทยมานานนับแต่ครั้งโบราณกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนภาคเหนือและอีสานของไทยจนกลายเป็นเมนูพื้นถิ่นที่ต้องลองทานให้ได้และเมนูสุดโปรดของใครหลาย ๆ คน ยิ่งทานคู่กับเครื่องเคียงผักสดตามชอบด้วยแล้ว บอกเลยว่านอกจากอร่อยยังให้ประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายคนทานมาก ๆ อีกด้วย อยากทานแต่ไม่อยากเดินทางไปนั่งร้านไกล ๆ ให้ยุ่งยาก วันนี้เรามีสูตรเด็ดป่นกบจากครัวลาวมาฝาก บอกเลยว่าทำง่าย แถมอร่อยได้รสชาติที่ชอบเพราะปรุงรสได้เอง ว่าแล้วไปดูกันเลย

ป่นกบ สูตรแซ่บอาหารลาวรสเด็ด จากครัวคนลาว

ป่นกบ

ก่อนลงครัวปรุงอาหารลาวสุดแซ่บอย่างป่นกบ เรามาเลือกวัตถุดิบหลัก ๆ อย่างกบกันก่อนดีกว่า แน่นอนว่าโดยส่วนใหญ่แล้วการเลือกใช้กบในการทำป่นกบนั้น สามารถใช้ได้ทั้งกบเลี้ยงและกบนา แต่ถ้าเป็นเจ้าถิ่นจริง ๆ ปรุงป่นกบให้ได้รสอร่อยเขาจะเลือกใช้ กบนา มาทำมากกว่าเพราะเนื้อกบจะแน่นและให้รสชาติหวานอร่อยกว่า กบเลี้ยง นั่นเอง แต่ก็นั่นแหละ กบนา เขาจะมาเป็นช่วงฤดูเท่านั้น ให้สะดวกเลือกเป็น กบเลี้ยง ก็อร่อยได้ไม่เลวเหมือนกันจ้า ว่าแล้วไปลงครัวกันเลยดีกว่า

วัตถุดิบและส่วนผสมสำหรับทำ ป่นกบ หรือน้ำพริกกบ

ป่นกบ
  1. กบนา หรือ กบเลี้ยง
  2. พริกแดงจินดา หรือ พริกชี้ฟ้า
  3. กระเทียมไทย 
  4. หอมแดง
  5. ผักชีฝรั่ง
  6. ผักชีต้นหอม
  7. มะนาว
  8. น้ำปลา
  9. นำปลาร้า
  10. ผงปรุงรส
  11. น้ำตาล
  12. ข่า
  13. ตะไคร้
  14. ใบมะกรูด

TIP : ส่วนผสมเครื่องปรุงไม่ตายตัวเด้อ ใครมักเผ็ดเพิ่มส่วนผสมได้ตามชอบเลยจ้า

ขั้นตอนและวิธีทำ 

ป่นกบ
  • นำกบมาล้างให้สะอาด ชำแหละกบเอาเครื่องในที่ทานไม่ได้ออก แล้วนำไปล้างให้สะอาดอีกรอบ 

TIP : ลดความคาวของกบลง นำกบไปล้างด้วยน้ำเกลือสักรอบแล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง 

  • จากนั้นตั้งน้ำให้เดือด ใส่กบลงไป (ไม่ต้องคน) เติมน้ำปลาร้า ทุบตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด ลงไปต้มให้เดือดอีกประมาณ 15-20 นาที จากนั้นตักขึ้นมาพักไว้ให้เย็น

TIP : สำหรับใครที่ชอบกลิ่นหอม ๆ แบบย่าง ก็เอากบไปย่างแทนการต้มได้ จะได้ป่นกบในอีกแบบที่อร่อยไม่แพ้กันเลยทีเดียว

ป่นกบ
  • นำเครื่องพริก กระเทียม พริกจินดาแดง พริกชี้ฟ้า หอมแดง ไปย่างไฟหรือคั่วไฟอ่อน ให้หอม ระวังอย่าให้ไหม้จนเกินไปเพราะจะทำให้ป่นกบเห็นไหม้และขมได้
  • โขลกเครื่องพริกให้พอแหลก ใส่เนื้อกบลงไป ตำให้พอแหลกอีกครั้ง (ใครชอบละเอียดก็โขลกให้ละเอียดเลยก็ได้) ตามด้วยน้ำต้มปลาร้าที่ต้นกบไว้ก่อนหน้า ปรุงรสเพิ่มด้วย น้ำปลา น้ำตาล มะนาว และผงปรุงรส ชิมรสตามชอบ 
  • ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงผักสดตามชอบ อาทิ แตกกวา ถั่งฝักยาว มะเขือเปราะ ดอกสะเรียม หรืออื่น ๆ และข้าวเหนียวร้อน ๆ รับรองแซ่บหลาย อิ่มสบายท้องแน่นอน 

เห็นไหมป่นกบทำไม่ยาก วัตถุดิบก็หาได้ง่าย ๆ ตามท้องตลาด แล้วอย่าลืมนำสูตรอาหารลาวเด็ด ๆ นี้ลงครัวโชว์ฝีมือกันน่ะ

คุณค่าและประโยชน์ต่อสุขภาพ

ป่นกบ

ป่นกบหรือ น้ำพริกกบ จัดเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารลาวที่นอกจากจะอร่อยนัวลิ้นมาก ๆ แล้วยังมากด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อร่างกายคนทานด้วย เนื้อกบ มีสรรพคุณทางยาที่ช่วยฆ่าเชื้อรา ต่อต้านเชื้อโรคและไวรัสต่าง ๆ ได้ดี ปัจจุบันจึงถูกนำมาศึกษาทางการแพทย์อย่างแพร่หลาย แถมเนื้อกบยังให้โปรตีนสูงมากและมีไขมันต่ำมากด้วย นอกจากนั้นเครื่องเคียงผักสดและสมุนไพรในน้ำพริกยังมีวิตามินและคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพมาก ๆ ถือเป็นผลพลอยได้ที่ดี ๆ ต่อร่างกายจริง ๆ ใครที่เป็นสายรักสุขภาพไม่ควรพลาดเมนูอาหารอร่อย ๆ นี้เลยทีเดียว 

สรุป 

เมนูอาหารลาวแซ่บ ๆ อย่างน้ำพริกกบ เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารที่ทำได้ง่าย ๆ เครื่องปรุงไม่กี่อย่าง เหมาะมากสำหรับทำทานกินเองที่บ้านเพราะเลือกเครื่องเคียงผักสดตามชอบได้เอง แถมปรุงรสเพิ่มตามใจปากได้ดีอีกด้วย ใครอยากทำทานอย่าลืมสูตรเด็ด ๆ อาหารอร่อยนี้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

น้ำผักกาดเขียวปลี และ แจ่วน้ำผัก เมนูอาหารลาวพื้นถิ่น อร่อยแซ่บ ทำง่าย เก็บไว้กินได้นาน

แจ่วน้ำผัก

น้ำผักกาดเขียวปลี และ แจ่วน้ำผัก เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารลาวที่น่าสนใจมาก ๆ อีกหนึ่งเมนูอาหาร ที่ไม่ใช่แค่รสความอร่อยที่กินคู่กับเครื่องเคียงอะไรก็แซ่บเท่านั้น มันยังสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอาหารของคนรุ่นเก่าก่อนอีกด้วย ในแง่ของการประยุกต์และถนอมอาหารไว้ทานได้นานขึ้นจากวัตถุดิบพื้นบ้านในฤดูกาลที่ออกมามากไว้ทานในยามขาดแคลนหรือสะดวกสบายในการกินที่ง่ายขึ้น อร่อยขึ้น ได้ประโยชน์เยอะขึ้นด้วย ซึ่งเห็นแบบนี้ทำได้ไม่ยากเลยด้วย ว่าแล้วไปดูสูตรและวิธีทำกันเลยจ้า

น้ำผักกาดเขียวปลี และ แจ่วน้ำผัก สูตรเด็ดจากครัวคนลาว 

แจ่วน้ำผัก

สูตรน้ำผักกาดเขียวปลี และแจ่วน้ำผัก อาหารลาวสูตรนี้ทำได้ไม่ยาก มีเพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น แต่ทว่าอาจใช้เวลามากนิดหนึ่งสำหรับการทำน้ำผักนั่นเอง ซึ่งรับรองว่าพอเสร็จแล้วคุ้มค่ากับความใส่ใจลงครัวครั้งนี้แน่นอน

วัตถุดิบและส่วนผสม น้ำผักกาดเขียวปลีและ แจ่วน้ำผัก

  1. ผักกาดเขียวปลี ประมาณ 5 กิโลกรัม
  2. ข่า 2 -3 หัว
  3. พริกจินดาแห้ง 10 เม็ด
  4. พริกจินดาป่น 1 ถ้วยแกง
  5. กระเทียม 10 กลีบ
  6. หอมแดง 4-5 หัว
  7. ต้นหอมผักชี
  8. เกลือ เล็กน้อย
  9. ผงปรุงรส
  10. น้ำปลา 

ขั้นตอนและวิธีทำ

แจ่วน้ำผัก

น้ำผักกาดเขียวปลี

  1. นำผักกาดเขียวปลีที่ซื้อมาทิ้งไว้สัก 2-3 วันให้ใบออกเหลืองนิด ๆ หรือนำไปอบหรือตากแดดร้อน ๆ สัก 2 แดด ให้ใบออกเหลืองนิด ๆ มาล้างให้สะอาด หั่นเอาแต่ใบผัก ทิ้งก้าน
  2. นำใบผักกาดปลีไปปั่นหรือตำให้ละเอียด ใส่ข่า ลงไปตำหรือปั่นร่วมด้วย เสร็จแล้วนำไปคั้นกับน้ำกรองเอาเฉพาะน้ำทิ้งกาก (ขั้นตอนนี้คั้นจนใบผักกาดไม่มีสีเขียวหรือสีเขียวจางลงให้มากที่สุด) 
  3. พักทิ้งไว้จนน้ำผักกาดปลีตกตะกอน ช้อนเอาน้ำใส ๆ ชั้นบนทิ้งแล้วน้ำไปต้มไฟแรงจนเดือด ระหว่างต้มให้ใช้ทัพทีคนไปด้วยเพื่อไม่ให้น้ำผักติดก้นหม้อและไหม้ได้ คนเคี้ยวจนน้ำผักงวดค่อนครึ่งหม้อ ใส่เกลือเล็กน้อย จากนั้นลดไฟลงอ่อนแล้วเคี้ยวต่อไปจนเหนียวข้น จะได้น้ำผักกาดเขียวปลีเก็บไว้ทาน หรือเอาไปปรุงแจ่วน้ำผักแล้ว 

TIP : ใครที่อยากได้น้ำผักข้น ๆ และเพิ่มปริมาณให้เยอะขึ้น สามารถเติมแป้งข้าวจ้าวลงไปแล้วเคี้ยวต่อจนข้นเหนียวได้

แจ่วน้ำผัก

แจ่วน้ำผัก 

1.นำเครื่องพริก พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม ต้นหอมผักชี ไปย่างไฟให้แห้งเกรียม (สูตรนี้จะทำให้แจ่วน้ำผักของเราสามารถเก็บไว้ทานได้นานขึ้นเป็นเดือนได้) 

2.จากนั้นนำเครื่องนำพริกย่างไฟมาโขลกให้ละเอียด ใส่ผงนัว เกลือเล็กน้อย (อย่าใส่มากเพราะว่าตัวน้ำผักมีรสออกเค็มอยู่แล้ว) พริกคั่วป่น ลงไปตำคลุกให้เข้ากัน ใส่น้ำผักลงไป ตำคลุกให้เข้ากันอีกครั้ง พอละเอียดดีแล้วตักใส่ถ้วยจัดเสิร์ฟคู่กับข้าวเหนียว ปลาทูปิ้ง เนื้อย่าง ไก่ย่าง หรือผักลวก ผักสด ได้ตามชอบ

ไม่ยากเลยใช่ไหมสำหรับเมนูอาหารลาวแซ่บ ๆ อย่าง น้ำผักกาดเขียวปลี และ แจ่วน้ำผักที่บอกเลยว่ากินคู่กับอะไรก็อร่อย ไม่ว่าจะเป็นผักสดหรือพวกเนื้อสัตว์ย่าง และสูตรนี้เป็นสูตรที่สามารถทำเก็บไว้กินได้นาน ๆ ได้เลยทีเดียวหรือจะทำเป็นของฝากของขายก็ได้ราคาด้วยนา เพื่อน ๆ ลองไปทำกันดูนะ

คุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกาย

แจ่วน้ำผัก

น้ำผักกาดเขียวปลี และแจ่ว น้ำผักถือเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารลาวมากประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพคนทานอย่างเรา ๆ มาก เพราะนอกจากเต็มไปด้วยเครื่องสมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงที่ดีต่อร่างกายแล้ว ผักกาดเขียว ยังเต็มไปด้วยเบต้าแคโรทีนในปริมาณที่สูงที่ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงสายตาและช่วยบำรุงเลือดและหัวใจได้ดีอีกด้วย 

แจ่วน้ำผัก

สรุป 

ใครเป็นสายสุขภาพต้องไม่พลาดเมนูน้ำผักกาดเขียวปลี และ แจ่ว น้ำผัก อาหารลาวรสเด็ดเมนูนี้เลยทีเดียว ซึ่งสูตรอาหารข้างต้นเป็นสูตรง่าย ๆ ที่สามารถทำเองได้เลยจากครัวในบ้าน เพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น แถมยังสามารถเก็บไว้กินได้เป็นเดือน ๆ ด้วย หรือใครจะทำขายก็ทำกำไรได้ดีด้วยนา

อ่านบทความอื่นๆ:

Categories
สูตรอาหาร

ตำแจ่วหน่อไม้ส้ม อาหารลาวรสอร่อย สูตรบ้าน ๆ จากครัวลาวฝั่งโขง

ตำแจ่วหน่อไม้ส้ม

เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารลาวรสอร่อยที่อดใจชวนเพื่อน ๆ ลงครัวไม่ได้เลยกับ ตำแจ่วหน่อไม้ส้ม สูตรบ้าน ๆ แบบคนลาวแท้ทำกัน ที่บอกเลยว่าเป็นเมนูติดบ้านได้เลยทีเดียวเพราะนอกจากรสอร่อยแซ่บลิ้นแล้ว เมนูอาหารนี้ยังทำกินเองได้ง่าย ๆ จากครัวในบ้านด้วยเครื่องปรุงไม่กี่อย่าง แต่ว่าได้รสชาติอร่อยเหาะเลยทีเดียว แถมยังรวดเร็วไม่เสียเวลาหิ้วท้องรอนานอีกด้วย ว่าแล้วเราตามกันไปตำสูตรเด็ดเคล็ดอร่อยนี้กันเลยจร้า 

ตำแจ่วหน่อไม้ส้ม อาหารลาวบ้าน ๆ ทำง่ายรสชาติอร่อยแซ่บ

ตำแจ่วหน่อไม้ส้มสูตรอาหารลาวบ้าน ๆ นี้บอกเลยว่าจะให้อร่อยต้องเลือกหน่อไม้ส้มที่ทำไว้สัก 6 เดือนขึ้นเด้อเพื่อน ๆ เพราะมันจะได้รสเค็มเปรี้ยวกำลังดี และรสเฝือนของหน่อไม้จะลดลงไปมากด้วย ทำให้พอเราเอามาปรุงรสกับเครื่องพริกไม่ต้องเสียเวลาต้มเอาน้ำเฝือนของหน่อไม้ออกนานด้วย ว่าแล้วไปลงครัวปรุงตำแจ่วตำรับลาวบ้าน ๆ กันเลยจ้า

วัตถุดิบและส่วนผสม ตำแจ่วหน่อไม้ส้ม

ตำแจ่วหน่อไม้ส้ม
  • หน่อไม้ส้ม 500 กรัม
  • พริกแดงจินดา 6-8 เม็ด หรือใส่ได้ตามใจชอบเผ็ดมากเผ็ดน้อย
  • พริกขี้หนูสวน 5 เม็ด หรือใส่ได้ตามใจชอบเผ็ดมากเผ็ดน้อย
  • กระเทียม 2 หัว
  • หอมแดง 5-6 หัว
  • น้ำปลาร้าปรุงสุก 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ นิดหน่อย
  • ผงปรุงรส
  • ใบแมงลัก ต้นหอม ผักชี สำหรับโรยหน้า
  • เครื่องเคียงผักสดตามชอบ เช่น ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ

ขั้นตอนและวิธีทำ

  1. ล้างหน่อไม้ส้มกับน้ำสะอาดสัก 1 รอบ เพื่อเอาน้ำมวกส้มออกเพราะอาจกัดกระเพาะเราได้ และลดความเปรี้ยวของหน่อไม้ส้มลงด้วย
  2. ตั้งหม้อต้มน้ำ ใส่ตะไคร้ทุบ ตามด้วยหน่อไม้ส้ม ต้มสักพักพอเดือดแล้วยกออก พักสะเด็ดน้ำไว้
ตำแจ่วหน่อไม้ส้ม

TIP : นอกจากตะไคร้ทุบแล้ว ลองใส่กะปิหรือน้ำปลาร้าลงไปต้มกับหน่อไม้ส้มด้วยจะทำให้หน่อไม้ส้มมีรสอร่อยยิ่งขึ้น

  1. นำเครื่องพริกอย่าง พริกแดงจินดา พริกขี้หนูสวน กระเทียม หอมแดง ไปย่างไฟหรือคั่วไปอ่อนให้พอหอม จากนั้นนำมาโคลกรวมกันพอแหลก 
  2. ใส่หน่อไม้ส้มลงไปคลุกเคล้ากับเครื่องพริกให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ผงปรุงรส และเกลือเล็กน้อย ชิมรสตามชอบ 
  3. ตักใส่จานเสิร์ฟ โดยด้วยต้นหอม ผักชี ใบแมงลักซอย เสิร์ฟ คู่กับเครื่องเคียงผักสดและข้าวเหนียว อร่อยแซ่บเลยทีเดียว

ตำ ๆ คลุก ๆ แค่นี้เราก็ได้ แจ่วหน่อไม้ส้ม อาหารลาวบ้าน ๆ รสอร่อยมาทานคู่กับผักสดและข้าวเหนียวกันเรียบร้อย ง่าย ๆ อร่อยท้องในเวลาอันรวดเร็ว เพิ่มความอร่อยให้กับมื้ออาหารด้วยกับแกล้มอย่างปลาปิ้งเข้าไปรับรองใครได้ทานติดใจกันทุกราย ว่าแล้วอย่าลืมลองเอาไปทำทานกันนะ

เคล็ดเพิ่มความอร่อย 

สำหรับอาหารลาวอย่างตำแจ่วหน่อไม้ส้ม นอกจากจะตำกับเครื่องพริกแล้ว ใครที่อยากเพิ่มรสชาติความอร่อยในอีกแบบก็ลองนำไปคั่วกับน้ำมันร้อน ๆ ใส่หมูบดลงไป คลุก ๆ ให้เข้ากันดูสิ รับรองได้รสแซ่บในอีกแบบที่ไม่เสียรสชาติหน่อไม้ส้มแน่นอน แต่หอมเครื่องพริกขึ้นแถมยังได้คุณค่าโภชนาการจากเนื้อสัตว์อีกด้วยนา สำหรับใครที่ไม่ได้ทำหน่อไม้ส้มเอง การเลือกซื้อหน่อไม้ส้มจากตลาดมาทานก็สำคัญด้วยนะ เพราะถ้าเลือกซื้อไม่ดีได้ของไม่สะอาดกลับมาอาจปนเปื้อเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เลือกที่ดูสะอาดและสีสดสวยจะดี

ตำแจ่วหน่อไม้ส้ม

สรุป 

ตำแจ่วหน่อไม้ส้มถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารลาวรสเด็ดที่มาพร้อมกับคุณค่าทางโภชนาการจากเครื่องสมุนไพรปรุงรส ที่ทำกินง่าย ๆ ในไม่กี่ขั้นตอน และยังจัดว่าเป็นเมนูอาหารที่สามารถทานคู่กับเครื่องเคียงอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ผักสดตามชอบได้อีกด้วย อาทิ ปลาทูทอด ปลาย่างหอม หรือเนื้อหมูทอด แต่ก็ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะเพราะในหน่อไม้มีกรดยูริคสูงซึ่งก็ไม่ดีนักต่อร่างกายเราได้ แถมเกลือที่มีอยู่ในหน่อไม้ส้มก็อาจส่งผลต่อร่างกายในทางที่ไม่ดีได้ด้วยหากทานมากจนเกินไป เอาเป็นว่าทานแต่พอเหมาะเพื่อให้ร่างกายได้สารอาหารดีไปใช้ได้ดีกว่าทานเยอะแบบตามใจปากก็แล้วกันนะเพื่อน ๆ 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://ufaball.bet/เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ เว็บไซต์พนันบอลออนไลน์อันดับ 1

Categories
สูตรอาหาร

จุ๊เนื้อ น้ำจิ้มขมแจ่ว อาหารสุดแซ่บ ของคนมักดิบ จิ้มแจ่วเพี้ยขมอย่างแซ่บ

จุ๊เนื้อ น้ำจิ้มขมแจ่ว

จุ๊เนื้อ น้ำจิ้มขมแจ่ว เป็นหนึ่งในเมนูอาหารลาวยอดนิยมมาแต่ช้านานที่ไม่เคยตกยุคเลยทีเดียวสำหรับหนุ่ม ๆ ที่ชื่นชอบอาหารสไตล์ดิบ ๆ โหด ๆ และแน่นอนว่านี่คือเมนูสุดยอดกับแกล้วเหล้าขาวยอดนิยมอีกด้วย ในยุคอดีตเราจะเห็นการทำจุ๊เนื้อกันเฉพาะงานเทศกาลสำคัญ ๆ ที่มีการล้มวัวมาเพื่อเลี้ยงแขกหรือเทศกาลสำคัญ ๆ เพื่อเฉลิมฉลองและต้อนรับญาติพี่น้อง แต่ปัจจุบันเรามักจะพบเมนูอาหารชนิดนี้ได้ตามร้านอาหารดัง ๆ ได้เลย แต่สำหรับใครที่เจอวัตถุดิบดี ๆ สด ๆ ใหม่ ๆ แล้วอยากลงครัวทำทานเอง เราก็มีสูตรเด็ดมาฝากรับรองว่าอร่อยแซ่บหลายไม่แพ้ร้านดัง ๆ แน่นอน ว่าแล้วไปกันเลย

จุ๊เนื้อ น้ำจิ้มขมแจ่ว อาหารลาวสูตรเด็ด เนื้อสด ๆ แจ่วเพี้ยขม ๆ แซ่บอิหลี 

จุ๊เนื้อ น้ำจิ้มขมแจ่ว

การทำอาหารลาวอย่างจุ๊เนื้อ นำจิ้มขมแจ่วให้อร่อย การเลือกวัตถุดิบหลักอย่างเนื้อวัวสดเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เพราะเนื้อสดจะให้รสหวานและอร่อยกลมกล่อมมากกว่าเนื้อที่ถูกชะแหละและโดนอากาศนานแล้ว และสิ่งที่สำคัญรองลงมาก็คือ น้ำจิ้มขมแจ่ว ที่บอกเลยว่าหากไม่แซ่บนัวพออาจทำให้รสอาหารกร่อยลงไปได้เลย เอาเป็นว่าไปดูเทคนิคและวิธีทำเด็ดกันเลยดีกว่าจ้า

วัตถุดิบและส่วนผสมจุ๊เนื้อและแจ่วขม

จุ๊เนื้อ น้ำจิ้มขมแจ่ว
  1. เนื้อวัวสด 400 กรัม 
  2. เครื่องในวัวสด เช่น ผ้าขี้ริ้ว ตับ ตามชอบ
  3. ข้าวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
  4. พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  5. ดีวัว 2 ช้อนชา
  6. ขี้เพี้ยวัว 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
  8. ผงชูรส 1 ช้อนชา
  9. ต้นหอม 2 ต้น
  10. ผักชี 2 ต้น
  11. ผักชีฝรั่ง 1 ต้น 

ขั้นตอนและวิธีทำ

จุ๊เนื้อ น้ำจิ้มขมแจ่ว
  1. เริ่มจากทำน้ำจิ้มขมแจ่วกันก่อน โดยนำขี้เพี้ยไปต้มให้สุกด้วยไฟปานกลาง จากนั้นนำขี้เพี้ยต้มสุกมาผสมกับข้าวคั่ว พริกป่นคั่ว ดีวัว น้ำปลา ผงชูรส คลุกเคล้าให้เข้ากัน ซอยต้นหอมผักชี ผักชีฝรั่ง ใส่ลงไปคนให้เข้ากันอีกรอบ 

TIP: น้ำจิ้มขมแจ่วจะให้หอมนัว ข้าวคั่วและพริกป่นคั่ว ควรทำขึ้นใหม่ ๆ เพราะจะหอมกว่าเครื่องคั่วที่ทำไว้นานแล้วและใครที่ชอบรสนัว ๆ ของน้ำปลาร้าก็เพิ่มน้ำปลาร้าปรุงสุกลงไปได้ แต่ใครชอบน้ำจิ้มแบบขม ๆ ก็เพิ่มดีวัวได้ตามชอบ

  1. นำเนื้อวัวสด เครื่องในวัว ผ้าขี้ริ้ว ตับวัว ที่ได้มาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ อย่าให้หนา จัดลงจานโรยหน้าด้วยต้นหอมผักชี เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มขมแจ่วและเครื่องเคียงผักสด ๆ ตามชอบ อาทิ แตงกวา มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ใบชะพลูหรือผักนางเลิศ กระเทียมโทน และพริกขี้หนู ได้ตามชอบ 
จุ๊เนื้อ น้ำจิ้มขมแจ่ว

เรียบร้อยแล้วกับเมนูอาหารลาวดิบ ๆ ยอดนิยมอย่าง จุ๊เนื้อน้ำจิ้มขมแจ่ว สูตรสั้น ๆ วิธีทำง่าย ๆ ที่จัดว่าเป็นหนึ่งในกับแกล้มชั้นเลิศของชาย ๆ เลยทีเดียว โดยสมัยก่อนมักจะทำกันในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ ที่มีการล้มวัวกันเท่านั้น แบบว่าพอล้มเสร็จก็เชือดเนื้อวัวสด ๆ จิ้มน้ำพริกแจ่วขม ๆ พร้อมกระดกเหล้าขาวตาม อย่างแซ่บสะท้านทรวงกันเลยทีเดียว ใครเจอเนื้อวัวสด ๆ ที่ล้มใหม่ ๆ ลองเอาสูตรอาหารนี้ไปลงครัวเปลี่ยนบรรยากาศกับแกล้มกันบ้างก็ไม่เลวน่ะ

เมนูใกล้เคียงที่ประยุกต์ได้ง่าย ๆ 

จุ๊เนื้อ น้ำจิ้มขมแจ่ว

จุ๊เนื้อ น้ำจิ้มขมแจ่วอาจดูเป็นเมนูอาหารลาวที่ดิบโหดไปสักหน่อยสำหรับคนที่ไม่ชอบกินเนื้อดิบ ๆ ซึ่งก็สามารถประยุกต์ให้น่าตาดูโหดน้อยลงได้ด้วยการนำเนื้อและเครื่องในซอยไปลวกผ่านน้ำร้อนให้สุกขึ้นได้ ทั้งนี้จะลวกเนื้อให้น่าทาน สีสันดี และไม่เหม็นกลิ่นคาว แนะนำให้เพื่อน ๆ ตั้งน้ำเดือด ทุบขา ตะไคร้ ใบมะกรูดฉีก ลงไปต้มก่อนให้ได้กลิ่นสมุนไพรหอม ๆ จากนั้นนำเนื้อสด ๆ ลวกผ่านน้ำโดยเร็วอย่าทิ้งไว้นาน เนื้อจะนุ่มกำลังพอดีและให้รสหวานไม่จืด พอจิ้มกับน้ำจิ้มขมแจ่วด้วยแล้วรับรองอร่อยแซ่บไม่แพ้เนื้อดิบ ๆ เลยด้วย 

จุ๊เนื้อ น้ำจิ้มขมแจ่ว

สรุป 

เมนูอาหารลาวอย่างจุ๊เนื้อน้ำจิ้มขมแจ่ว ถือว่าเป็นเมนูอาหารพื้นถิ่นที่ได้รับความนิยมสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เราอาจมองว่าเมนูนี้ดูดิบโหดไปบ้าง แต่มันก็สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินของคนลาวและคนไทยอีสานที่มีมาอย่างยาวนานได้อย่างน่าสนใจ ใครชอบหรืออยากลองก็อย่าลืมเอาสูตรเด็ด ๆ นี้ไปลงครัวกันนะจ๊ะ

อ่านบทความอื่นๆ:

  • แกงขี้เหล็ก ใส่ย่างเนื้อ อร่อยเข้มข้นแบบไทย ๆ

สนับสนุนโดย:

https://ufaball.bet/เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ แทงบอลออนไลน์ ต้องที่นี่ ที่เดียว!

Categories
Uncategorized

ข้าวจี่ไข่น้ำปลาร้า อาหารลาวรสอร่อย ที่ไม่ธรรมดา

ข้าวจี่

ข้าวจี่ อาหารลาวรสเด็ดที่อยู่คู่คนลาวมานานแสนนานที่ปัจจุบันกลายเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารหน้าหนาวยอดนิยมกันไปแล้ว คนลาวและคนไทยภาคเหนือ อีสาน นิยมทานข้าวจี่กันในตอนเช้า ๆ ของช่วงหน้าหนาวได้อารมณ์และรสชาติที่ดีเลยทีเดียว และส่วนมากจะทำกินกันในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวที่ได้ข้าวสารใหม่มานึ่งหอมจนเกิดเป็นวัฒนธรรมการกินที่เชื่อมโยงกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนาที่ดีงามและน่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียว แต่จะทำข้าวจี่เฉย ๆ ก็เหมือนจะตกยุค งั้นเราไปทำข้าวจี่สูตรคนลาวแท้นัวปลาแดกหอม ๆ แซ่บซี้ดรสพริกเผ็ด ๆ กับสูตร ข้าวจี่ไข่น้ำปลาร้า กันดีกว่า รับรองทำทานแล้วติดอกติดใจแน่นอน

ข้าวจี่ ไข่น้ำปลาร้า อาหารลาวสูตรเด็ดรสแซ่บ เผ็ดนัวปลาร้าหอมๆ

ข้าวจี่

วัตถุดิบและส่วนผสม ข้าวจี่ไข่น้ำปลาร้า

  1. ข้าวเหนียวนึ่งสุก 
  2. ไข่แดง 10 ฟอง
  3. เกลือ เล็กน้อย
  4. ผงนัว 1 ช้อนชา
  5. พริกผง 1 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำปลาร้า 3 ช้อนโต๊ะ
ข้าวจี่

ขั้นตอนและวิธีทำ

  1. นำข้าวเหนียวนึ่งสุกลงมาคลี่ให้พอคลายร้อน จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เสียบด้วยไม้เสียบปิ้งคลี่ให้แบนนิด ๆ จากนั้นพักไว้ (ในขั้นตอนการปั้นเป็นก้อน ๆ ไม่ควรปั้นข้าวเหนียวให้หนาและใหญ่จนเกินไป เพราะจะทำให้เครื่องคลุกซึมลงไม่ถึงด้านในและตอนปิ้งจะไม่อร่อยได้)

TIP : ข้าวจี่หอมอร่อยรสชาติดีควรใช้ข้าวสารใหม่นึ่งจะมีกลิ่นหอมน่าทานมากกว่าข้าวสารเก่า 

  1. ผสมเครื่องปรุงทาข้าวจี่ โดยตอกไข่แยกเอาเฉพาะไข่แดง ผสมกับเครื่องปรุงรส เกลือ ผงนัว พริกป่น น้ำปลาร้า แล้วคนให้เข้ากัน

TIP : ที่ใช้เฉพาะไข่แดงเพราะจะทำให้ข้าวจี่สีเหลืองนวลสวย และไม่มีจุดขาว ๆ ที่เกิดจากไข่ขาว

  1. นำข้าวที่เสียบไม้แล้วไปจี่ไฟเล็กน้อยพอหมาด ๆ จากนั้นนำมาทาเครื่องปรุงรสให้ทั่ว นำไปปิ้งต่อในไฟอ่อนจนเกรียบกรอบหอม (ขั้นตอนนี้ระหว่างปิ้งให้นำข้าวจี่ลงมาชุปเครื่องปรุงสัก 2-3 รอบเพื่อให้เครื่องปรุงเคลือบข้าวจี่หนา ๆ จะได้รสข้าวจี่แซ่บอร่อยยิ่งขึ้น)
  2. พอสุกได้ที่แล้ว จัดเสิร์ฟลงจาน ทานพร้อมกับน้ำพริกแจ่วป่องหรือจะทานโดด ๆ ก็อร่อยแซ่บอิหลี
ข้าวจี่

เห็นไหมว่าเพียงไม่กี่ขั้นตอนก็ได้ข้าวจี่หอมกลิ่นปลาร้าเผ็ดนัวรสพริกแซ่บ ๆ แล้ว ง่าย ๆ เลยใช่ใหมล่ะ แต่ว่าจะให้อร่อยมากยิ่งขึ้นเราแนะนำเพื่อน ๆ เลยว่าให้นำไปปิ้งบนเตาถ่านไฟอ่อน ๆ จะให้กลิ่นหอมมากกว่าการปิ้งบนกระทะปิ้งไฟฟ้า และใครที่ชอบรสเผ็ดนัว ๆ ก็เพิ่มส่วนผสมอย่างพริกป่นเข้าไปได้เลยตามชอบ ว่าแล้วหน้าข้าวใหม่หนาวนี้อย่าลืมจัดกันเลยนา

ข้าวจี่ วัฒนธรรมการกิน ความเชื่อทางพุทธศาสนา

ข้าวจี่

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ข้าวจี่เป็นหนึ่งในอาหารลาวที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินของคนท้องถิ่นได้ดีและยังเชื่อมโยงกับความเชื่อด้านพุทธศาสนาได้อย่างน่าสนใจอย่าง งานบุญข้าจี่หรือบุญเดือนสาม ประเพณีอันดีงามของชาวลาวฝั่งซ้ายโขง ที่จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่ครั้งโบราณกาล ที่ได้คติความเชื่อในทางพระพุทธศาสนามาจากการถวายขนมแป้งจี่ของนางปุณณทาสีแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอานนท์เถระ เป็นผลให้นางบรรลุธรรมโสดาบันปัตติผลด้วยอานิสงฆ์แห่งการถวายขนมแป้งจี้นั้น ทำให้เกิดความเชื่อสืบต่อ ๆ กันมาว่า การได้ถวายข้าวจี่นั้นจะได้อนิสงส์มาก ๆ นั่นเอง และฝั่งไทยเราก็ยังมีงานบุญข้าวจี่ในประเพณีฮีตสิงสองของภาคอีสาน ที่เป็นผลมาจากความเชื่อนี้อีกด้วย 

ข้าวจี่

สรุป 

ข้าวจี่ไข่น้ำปลาร้า อาหารลาวรสเด็ดสูตรนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารทานเล่นที่ทำกินกันเองได้ง่าย ๆ จะทำเป็นของทานเล่นหรือเมนูจานโปรดสำหรับเช้าวันใหม่ยังไงก็ได้รสอร่อย ใครอยากได้รสแซ่บเพิ่มก็เพิ่มตรงเครื่องปรุงรสไป ใครอยากได้รสชาติอ่อน ๆ ก็ลดพริกลงได้สำหรับเด็ก ๆ แถมยังมาพร้อมคุณประโยชน์ดี ๆ ที่มาจากข้าว น้ำปลาร้า และไข่ ที่ดีต่อร่างกายคนทานอีกด้วย ทำง่าย ได้รสอร่อย และดีต่อสุขภาพ อย่างงี้ต้องไม่พลาดสักมื้อแน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://ufaball.bet/เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ กีฬาออนไลน์ทุกชนิด ต้องที่นี่!

Categories
สูตรอาหาร

ขนมจีนน้ำพริก ตำรับวังหลวงพระบาง อาหารลาวหลวงพระบาง ตำรับพระราชวังหลวง

ขนมจีนน้ำพริก

อาหารลาวรสชาติคุ้นลิ้นอย่าง ขนมจีนน้ำพริก เป็นอีกหนึ่งเมนูอร่อยที่คนรักอาหารรสแซ่บไม่พลาดแน่ ๆ และนอกจากจะเป็นเมนูมื้อหลักได้แล้วยังเป็นเสมือนเมนูจัดเลี้ยงสำหรับต้อนรับแขกได้ดีอีกด้วยเพราะเมนูนี้มาพร้อมกับเครื่องเคียงผักสดที่กินคู่กันได้อย่างอร่อยทั้งวันได้เลยทีเดียว และสำหรับใครที่อยากชิม ขนมจีนน้ำพริกตำรับชาววังลาวแท้ ๆ ต้องไม่พลาดรีวิวบทนี้เลยด้วย เพราะจะชวนเพื่อน ๆ ลงครัวทำอาหารรสเด็ดตำรับชาววังหลวงพระบาทที่ถอดสูตรแท้ ๆ มาจากห้องต้นเครื่องวังหลวงพระบางกันเลย บอกเลยว่าสูตรนี้ใครได้ทานรับรองติดใจแน่นอน

สูตรเด็ดอาหารลาวชาววัง ขนมจีนน้ำพริก ตำรับวังหลวงพระบาง ทำง่ายได้รสอร่อยจากครัวไทยในบ้าน

ขนมจีนน้ำพริก

ต้องบอกเพื่อน ๆ เลยว่าอาหารลาวเมนูนี้ ผู้เขียนได้สูตรมาจากหนังสือตำรับอาหารพระราชวังหลวงพระบาง ของ เพียงสิง จะเลินสิน หัวหน้าห้องต้นเครื่องวังหลวงพระบางนั่นเอง ซึ่งมันคือหนึ่งในเมนูโปรดที่ลงครัวแล้วต้องบอกเลยว่าดีต่อใจมาก ๆ และอยากชวนเพื่อนลงครัวปรุงรสขนมจีนน้ำพริกสูตรนี้ด้วยกัน ที่รับรองว่าทำง่าย ได้รสอร่อยแบบชาววังลาวแท้ ๆ แน่นอน

วัตถุดิบและส่วนผสม

ขนมจีนน้ำพริก

เครื่องขนมจีนน้ำพริก

  1. ข้าวปุ้น หรือ ขนมจีน
  2. เครื่องเคียงผัก หรือ ผักเหมือด ได้แก่ หัวปลีซอย มะเขือเปราะ ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว พริกแดง 

เครื่องน้ำพริกตำรับวังหลวงพระบาง 

  1. เนื้อหมูแดง 300 กรัม 
  2. ปลา 1 ตัว (น้ำหนักประมาณ 400 กรัมได้)
  3. กระดูกหมู 1 กิโลกรัม
  4. ข่าฝาน ประมาณ 10 แว่น
  5. ต้นหอม ประมาณ 10 ต้น
  6. น้ำปลาร้า 1 ถ้วย 
  7. เกลือ เล็กน้อย 
  8. กระเทียม ประมาณ 15 หัว 
  9. มะพร้าวห้าว 3 ผล หรือ น้ำกะทิสำเร็จก็ได้
  10. พริกแดง ประมาณ 6 เม็ด
  11. พริกไทยปน ตามชอบ
  12. ผักชีลาว ตามชอบ
  13. มะนาว ตามชอบ

TIP : สัดส่วนของเครื่องปรุงใครชอบเผ็ดมากสามารถปรับเพิ่มได้ตามใจชอบได้เลยจ้า 

ขั้นตอนและวิธีทำ ขนมจีนน้ำพริก ตำรับวังหลวงพระบาง

ขนมจีนน้ำพริก

สูตรน้ำพริก 

  1. นำปลาร้า 1 ถ้วยเล็กมาเอะ หรือหล่นไฟอ่อน เคี้ยวให้สุกแล้วกรองเอาเฉพาะน้ำปลาร้า พักไว้
  2. นำเนื้อหมูแดงมาสับให้ละเอียด ปั้นเป็นก้อนใหญ่ ๆ แล้วนำไปต้มกับน้ำปลาร้าที่เตรียมไว้ให้สุก ตักพักให้เย็น จากนั้นนำไปตำให้ละเอียดพักไว้
  3. ตั้งหม้อน้ำปล่าว ใส่ปลา กระดูกหมู ข่า ต้นหอมหั่น หอมแดง เกลือ ลงไปต้มให้เดือดจนเนื้อปลาสุก ตักเนื้อปลามาแกะและนำไปโขลก ให้ละเอียด พักไว้ (กรองเอาน้ำซุปเตรียมไว้ปรุงน้ำพริก)
  4. นำกระเทียมซอยแว่น ไปเจียวกับน้ำมันให้พอเหลืองหอม ตักออกมาพักให้เย็นแล้วโขลกให้ละเอียดเตรียมไว้
  5. นำพริกแห้งแดงเอาไปย่างไฟพอกรอบ จากนั้นเจาะออกเมล็ดด้านในออก เหลือเพียงเปลือกกรอบ ๆ นำมาโคลกให้ป่นละเอียด แล้วนำไปทอดกับน้ำมันมะพร้าวอีกครั้ง ระวังอย่าให้เกรียมเพราะจะทำให้หน้าน้ำพริกขนมจีนดำได้ 
  6. ตั้งไฟเคี่ยวน้ำกะทิให้พอข้น อย่าให้แตกมัน ใส่เนื้อปลาโขลกละเอียด เนื้อหมูโขลก กระเทียมทอดโขลก และพริกป่นทอด เข้าไปผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน เติมน้ำซุปลงไปพอข้น ปรุงรสด้วย เกลือ พริกไทยป่น ผักชีซอย มะนาว ชิมรสตามชอบ 

เครื่องเหมือดขนมจีน หรือ เครื่องเคียงผัก

ขนมจีนน้ำพริก

นำผักสดที่เราเตรียมไว้ อาทิ หัวปลีซอย มะเขือเปราะซอย ผังบุ้งหั่น ถั่วฝักยาว และ พริกแห้งแดง ไปทอดด้วยน้ำมันให้เหลืองกรอบที่ละอย่าง แล้วตักขึ้นพักให้เย็น พร้อมจัดเสิร์ฟคู่น้ำพริกและขนมจีน เพียงเท่านี้เราก็จะได้ชุดจัดเสิร์ฟเมนูอาหารลาวชาววังอย่าง รสเด็ดเรียบร้อย เห็นไหมว่าอาหารชาววังมักต้องพิถีพิถันในการการปรุงรสเสมอ และแน่นอนว่ามันทำได้ง่าย ๆ จากครัวในบ้านของเราที่ไม่ต้องเดินทางไปเยือนถึงหลวงพระบางลาวก็ได้อาหารอร่อยอิ่มสบายท้องได้แล้ว ซึ่งเมนูชาววังลาวนี้บอกเลยว่า จัดเสิร์ฟเป็นเมนูพิเศษเพื่อต้อนรับแขกในงานเลี้ยงรับรองติดใจในรสอร่อยแน่นอน

ขนมจีนน้ำพริก

สรุป 

รสอร่อยของอาหารลาวสูตรขนมจีนน้ำพริกตำรับวังหลวงพระบาง อยู่ตรงที่น้ำพริก ที่นอกจากส่วนผสมของน้ำปลาร้าแล้วยังใช้กะทิเข้าไปเป็นส่วนผสมเพิ่มอีกด้วย อีกทั้งยังปรุงรสเพิ่มด้วยพริกไทย และ ผักชีลาว ซึ่งให้รสชาติเผ็ดกำลังดีและหอมกลิ่นผักชีลาวในแบบเฉพาะคนลาวหรือฝั่งอีสานบ้านเรา ซึ่งมันคือรสชาติที่เราคุ้นเคยเพียงความละเมียดละไมในการปรุงและเตรียมส่วนผสมที่พิถีพิถันทำให้เมนูอาหารนี้เหมาะมากสำหรับทำต้อนรับแขกแก้วมาเยือนนั่นเอง

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://paperindustrymag.com เว็บพนันออนไลน์มาใหม่

Categories
สูตรอาหาร อาหารสุขภาพ

แกงลาวเห็ดเผาะใบย่านาง เมนูหน้าฝนกับอาหารลาวแซ่บนัว มากประโยชน์

แกงลาวเห็ดเผาะใบย่านาง

เมนูอาหารลาวที่เรานำมาแนะนำและชวนเพื่อน ๆ ลงครัวกันในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งเมนูหายาก ที่หากินกันได้แค่ช่วงฤดูเท่านั้น และแน่นอนว่าเพราะวัตถุดิบหายากมันเลยทำให้เมนูอาหารชนิดนี้มากับราคาที่ค่อนข้างแพงด้วย นั่นก็คือ เมนูที่ทำจาก “เห็ดเผาะ” นั่นเอง เห็ดที่ออกแค่ช่วงฤดูฝนที่มาพร้อมกับความอร่อย หายาก เพาะไม่ได้ แถมยังมากด้วยสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งจะให้อร่อยแซ่บนัวก็ต้องเมนูนี้เลย แกงลาวเห็ดเผาะใบย่านาง รสแซ่บ ๆ หอมปลาร้านัว ๆ เต็มเครื่องปรุงสมุนไพรแน่น ๆ ว่าแล้วน้ำลายไหล ตามไปดูขั้นตอนและวิธีทำกันเลยดีกว่า

แกงลาวเห็ดเผาะใบย่านาง สูตรเด็ดอาหารลาวหายาก ที่ทำได้ง่าย ๆ

แกงลาวเห็ดเผาะใบย่านาง

มารู้จักวัตถุดิบอย่าง เห็ดเผาะ หรือ เห็ดถอบ กันก่อนที่จะไปลงครัวสักหน่อยดีกว่า ซึ่งเพื่อน ๆ รู้ไหมว่า เห็ดชนิดนี้เป็นเห็ดพื้นบ้านชนิดหนึ่งที่ขึ้นเองตามธรรมชาติน่ะ และจะหากินได้แค่เฉพาะช่วงต้นฤดูฝนราว ๆ เดือน พ.ค. – มิ.ย. เท่านั้น ทำให้เราจะเห็นเมนูอาหารนี้บนปกเมนูอาหารร้านแค่เพียงช่วงฤดูนี้เท่านั้น มันเลยทำให้ราคาค่อนข้างแพงเอาการเลยทีเดียว แต่ก็นั่นแหละ ด้วยรสชาติที่อร่อย กรอบเผาะ ใครได้กินก็ติดใจ เอาเป็นว่าใครเข้าตลาดแล้วเจอวัตถุดิบหายากชนิดนี้เราแนะนำว่าไม่ควรพลาดกับสูตรเด็ดแกงลาวเห็ดเผาะใบย่านางรสแซ่บซี้ดนี้เลยรับรองติดใจแน่นอน ตามไปดูวิธีทำกันเลย

วัตถุดิบและส่วนผสม สำหรับทำแกงลาวเห็ดเผาะใบย่านาง 

แกงลาวเห็ดเผาะใบย่านาง
  1. เห็ดเผาะสด ๆ ประมาณ 1-2 ขีด
  2. ผักหวาน ประมาณ 1 ถ้วย
  3. ใบย่านาง 1 กำ
  4. ใบแมงลัก 2-3 ต้น
  5. ตะไคร้ซอย 1 หัว
  6. พริกแดงจินดา 7-10 เม็ด
  7. พริกขี้หนูสวน 7 เม็ด
  8. กระเทียมไทย 5-10 กลีบ
  9. หอมแดง 5 หัว
  10. เกลือ 1/4 ช้อนโต๊ะ
  11. ผงปรุงรส 1/4 ช้อนโต๊ะ
  12. น้ำปลาร้าต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ
  13. น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  14. ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ หรือใช้ ข้าวเบือ แทนก็ได้ (จะไม่ใส่ก็ได้ตามชอบ)

ขั้นตอนและวิธีทำ 

  • โขลกพริกแกง โดยใส่เครื่องสมุนไพร กระเทียม พริกแดงจินดา พริกขี้หนูสวน ตะไคร้หั่น หอมแดง โขลกให้แหลกพอหยาบ ๆ เตรียมไว้
  • นำเห็ดเผาะสด ๆ ไปล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำพักไว้
แกงลาวเห็ดเผาะใบย่านาง

TIP : วิธีล้างเห็ดเผาะให้สะอาดเกลี้ยงให้เอาเห็ดไปแช่น้ำเกลือไว้สัก 15 นาที หรือจะมากกว่านั้นก็ได้ แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดสัก 3-4 รอบ ไม่ต้องเอาเล็บไปขุด ๆ นามันจะทำให้เห็ดด่าง ๆ ต้มออกมาไม่สวย และจะให้อร่อยแนะนำให้เลือกซื้อเห็ดเผาะสด ๆ ที่ยังไม่ได้ต้มมาจะกรอบอร่อยและนุ่มกว่าจ้า

  • นำเห็ดเผาะที่ล้างสะอาดแล้ว ไปต้มในน้ำผสมเกลือเล็กน้อย ด้วยไฟอ่อน เพื่อล้างดินที่ติดออกอีกรอบ (ระวังอย่าใช้ไฟแรงเพราะจะทำให้เห็ดระเบิดใส้ทะลักได้)
  • คั่นน้ำใบย่างนาง แล้วนำไปต้มในหม้อไฟปานกลาง (ขั้นตอนนี้จะใส่ข้าวเบือลงไปเลยหรือไม่ใส่ก็ได้แล้วแต่ชอบ) จากนั้นใส่น้ำพริกเครื่องแกงที่เตรียมไว้ลงไป ต้มต่อไปพอให้น้ำแกงเดือดได้ที่
แกงลาวเห็ดเผาะใบย่านาง

TIP : ข้าวเบือ คือ ข้าวเหนียวดิบที่นำไปแช่น้ำจนนิ่มแล้วนำมาตำให้ละเอียด จะทำให้น้ำแกงข้นนัวขี้น

  • จากนั้นใส่เห็ดเผาะลงไป ลดไฟให้อ่อนลง ต้มต่อไปสัก 2-3 นาที ปรุงรสเพิ่มด้วยเครื่องปรุงรส น้ำปลาร้า น้ำปลา เกลือ ชิมรสตามชอบ 
  • ได้รสตามชอบแล้ว ใส่ผักหวานลงไป คนให้ทั่ว ตามด้วยใบแมงลัก เสร็จแล้วยกลงเตา ตักเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวร้อน ๆ อร่อยได้แล้ว (ขั้นตอนนี้ถ้าชอบผักเยอะ ๆ ก็ใส่เพิ่มได้ตามชอบได้เลย)

คุณค่าและประโยชน์ต่อสุขภาพ

แกงลาวเห็ดเผาะใบย่านาง

อาหารลาวเมนูนี้นอกจากเครื่องสมุนไพรแน่น ๆ ในน้ำพริกแกงที่มากด้วยประโยชน์ต่อร่างกายคนทานแล้ว รู้ไหมว่า เห็ดเผาะ วัตถุดิบหายากชนิดนี้ยังดีต่อสุขภาพมากด้วยน่ะ เพราะเขามาพร้อมกับสรรพคุณที่ช่วยบำรุงร่างกาย รักษาอาการช้ำใน และลดอาการบวมหรืออักเสบของร่างกายได้ดี แถมยังแก้ร้อนในได้อีกด้วย 

สรุป 

แกงลาวเห็ดเผาะใบย่านาง

แกงลาวเห็ดเผาะใบย่านางนับเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารลาวเพื่อสุขภาพ ที่ค่อนข้างหาทานยาก ดังนั้น พอเจอวัตถุดิบอย่างเห็ดเผาะแล้วละก็ อย่าลืมลองสูตรอาหารอร่อย ๆ นี้ไปทำทานกันนะ

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย:

https://paperindustrymag.com เว็บไซต์ที่รวบรวมพนันออนไลน์ทั้งหมดมาไว้ที่นี่ที่เดียว