ผู้เขียน: admin

นอกจากอาหารไทยแล้ว ในปัจจุบันอาหารต่างชาติก็ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีคนไทยจำนวนไม่น้อยเลยที่ชื่นชอบทานอาหารต่างชาติที่มีรสชาติถูกปาก ถึงแม้ว่าบางเมนูจะหาทานได้ยากก็ตาม แต่หลายคนก็พยายามที่จะหามาทานให้ได้ เมื่อพูดถึงอาหารต่างชาติที่คนไทยนิยมแล้วก็คงหนีไม่พ้นอาหารเกาหลี และหนึ่งในเมนูยอดฮิตที่หลายคนรู้จักก็คือ กิมจิ เรียกได้ว่าเป็นเมนูดังที่คนไทยได้รับอิทธิพลมาจากซีรีส์เกาหลีแบบเต็ม ๆ กันเลยทีเดียว 

ทำความรู้จักอาหารเกาหลีอย่าง กิมจิ เมนูยอดฮิตติดกระแสในไทย

กิม จิ คือ ของกินตามประเพณีในอาหารเกาหลี มีรสเปรี้ยวและเผ็ดเล็กน้อย ข้าวผัด กิมจิ ซึ่งนิยมทานเป็นเครื่องเคียงแทบทุกมื้ออาหาร โดยจะนำผักมาหมักดองด้วยเกลือและเครื่องปรุงอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ผักกาดขาวและหัวไชเท้า หมักดองกับผงพริกโกชูการู กระเทียม ต้นหอม ขิง และอาหารทะเลหมักเค็มช็อตกัล ปัจจุบันเมนู ซุป กิมจิได้รับความนิยมอย่างมากในไทย เรียกว่าเมนูกิมจิ นั้นเป็นหนึ่งใน อาหารเกาหลีในซีรีส์ ที่คนไทยหลงใหลเลยก็ว่าได้ 

แจกสูตร กิมจิ เมนูอาหารเกาหลีเต็มไปด้วยคุณประโยชน์ ทำง่าย ทานได้ทั้งครอบครัว

อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า กิมจิเกาหลี เป็นเมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบค่อนข้างน้อย แต่สามารถทำให้รสชาติอร่อยถูกปากคนทานได้ไม่ยาก นั่นเป็นเพราะว่าซอสกิมจิมีรสชาติดี เมื่อนำมาหมักกับผักแล้วจะยิ่งชูรส กิมจิ ให้อร่อยมากยิ่งขึ้น สำหรับใครที่สงสัยว่า กิ ม จิ สูตร ไหนอร่อย วันนี้เรามีสูตรการทำ เมนูกิมจิ แบบง่าย ๆ พร้อมเคล็ดลับทำอย่างไรให้อร่อยเหมือนต้นตำรับมาฝากด้วย 

วัตถุดิบการทำกิมจิ

1. ผักกาดขาว 2.5 กิโลกรัม
2. ต้นหอม 2 มัดใหญ่
3. เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำเปล่าสำหรับล้างทำความสะอาด
5. เกลือป่นสำหรับหมักผักกาดขาว

ส่วนผสมเครื่องหมักกิมจิ

1. แครอท 1 หัวใหญ่
2. หัวไชเท้า 1 หัวใหญ่
3. หอมหัวใหญ่ 1 หัว
4. สาลี่ 1 ลูก
5. กระเทียมจีน 1/2 ถ้วยตวง
6. ขิงหั่นแว่น 5 แว่น
7. น้ำปลา 10 ช้อนตวง
8. น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 2 ช้อนตวง
9. พริกป่นเกาหลีแบบหยาบ 1 ถ้วยตวง
10. พริกป่นเกาหลีแบบละเอียด 1/3 ถ้วยตวง

ส่วนผสมแป้งกวนสำหรับหมักกิมจิ

1. แป้งข้าวเหนียว 5 ช้อนตวง
2. น้ำเปล่า 200 มิลลิลิตร 

วิธีทํากิมจิง่าย ๆ

1. ขั้นตอนแรกของการทำ กิม จิ นำผักกาดขาวและต้นหอมมาหั่นให้เรียบร้อย หากต้องการให้กิมจิอยู่ได้นาน ๆ ไม่ต้องหั่นผักกาดขาวเป็นชิ้น ๆ จากนั้นนำไปทำความสะอาดโดยแช่ในน้ำเปล่าและเบกกิ้งโซดาประมาณ 15 นาที เสร็จแล้วล้างด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งและนำขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. นำผักกาดขาวมาหมักกับเกลือป่น โรยเกลือให้ทั่วผักกาดขาวแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง โดยในระหว่างนี้ต้องหมั่นคลุกเคล้าผักกาดขาวทุก ๆ 30 นาที นำต้นหอมที่สะเด็ดน้ำแล้วมาหั่นเป็นท่อน ๆ ต่อมานำแครอทและหัวไชเท้ามาล้างทำความสะอาด เสร็จแล้วปอกเปลือกและหั่นซอยเป็นเส้น ๆ เตรียมไว้
3. ขั้นตอนต่อมาเตรียมทำแป้งกวนสำหรับหมักกิมจิ เริ่มจากใส่น้ำเปล่าและแป้งข้าวเหนียวลงไปในหม้อ จากนั้นคนให้เข้ากันและนำไปกวนด้วยไฟอ่อนจนแป้งสุก เสร็จแล้วพักไว้ให้เย็น เมื่อแช่ผักกาดขาวในน้ำเปล่าและเบกกิ้งโซดาจนครบ 2 ชั่วโมงแล้ว ให้นำมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า พักไว้
4. ขั้นตอนต่อมาเตรียมทำเครื่องหมักกิมจิ เริ่มจากนำหอมหัวใหญ่มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต่อมาปอกเปลือกสาลี่และกระเทียมจีนให้เรียบร้อย จากนั้นใส่ลงไปในเครื่องปั่น ตามด้วยขิงหั่นแว่นและน้ำปลา ปั่นให้ละเอียดจนเข้ากันดี เสร็จแล้วเทใส่ถาด
5. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายไม่ฟอกสี ตามด้วยพริกป่นเกาหลีแบบหยาบ พริกป่นเกาหลีแบบละเอียด และแป้งกวนที่เตรียมไว้ จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน ลองชิมรสชาติและปรับตามความชอบได้เลย นำต้นหอมหั่น แครอทและหัวไชเท้า ใส่ลงไปในเครื่องกิมจิ คลุกเคล้าให้เข้ากัน นำผักกาดขาวที่เตรียมไว้ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันกับเครื่องกิมจิ
6. นำกิมจิใส่ในภาชนะที่มีฝาปิด พยายามกดส่วนผสมลงให้แน่นแล้วปิดฝาไว้ เสร็จแล้วให้ตั้งไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 5 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นต่ออีก 1 คืน ถือเป็นอันเสร็จ อาหารเกาหลียอดฮิต พร้อมรับประทานได้เลย 

เคล็ดลับทำอาหารเกาหลีอย่าง กิมจิ ให้อร่อยตามแบบต้นตำรับ

การทำ เมนูอาหารเกาหลี อย่างกิมจิให้อร่อยเหมือนต้นตำรับ สิ่งสำคัญคือการหมักผักกาดขาวด้วยซอสกิมจิ หากต้องการให้ซอสกิมจิซึมเข้าสู่ผักกาดขาวได้ดี กิมจิประโยชน์ค่อนข้างหลากหลาย แนะนำให้ใช้มีดผ่าที่โคนผักกาดขาวเล็กน้อย ใช้มือสองข้างดึงออกจากกัน ซึ่งจะทำให้ผิวผักกาดขาวที่ผ่าออกมามีลักษณะขรุขระ เมื่อนำไปหมักจะทำให้ซอสกิมจิ เกาะตัวได้ดีขึ้น หากใช้มีดหั่นจะทำให้ผิวผักกาดขาวเรียบเกินไปและซอส กิมจิโคชูจัง จะเกาะตัวได้ไม่ดีเท่าที่ควร นี่คือเคล็ดลับการทำ อาหารเกาหลีง่ายๆ อย่างกิมจิด้วยวิธีดั้งเดิมของคนเกาหลี 

อ่านบทความอื่นๆ:

• ตำแจ่วหน่อไม้ส้ม อาหารลาวรสอร่อย สูตรบ้าน ๆ จากครัวลาวฝั่งโขง

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/ 

ไก่ เป็นเนื้อสัตว์ที่นิยมใช้ทำเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะมีโปรตีนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในส่วนที่เรียกว่าอกไก่ ถึงแม้ว่าบางคนอาจรู้สึกว่าอกไก่เป็นเนื้อไก่ส่วนที่อร่อยน้อยที่สุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเนื้อไก่ส่วนนี้มีไขมันน้อยที่สุด ซึ่งเหมาะกับการใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการ ทำอาหารคลีน ง่ายๆ จะเห็นได้ว่าคนที่กำลังลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักหลายคนนิยมทานอกไก่กันมากในปัจจุบัน

การ ทำอาหารคลีน ง่ายๆ อกไก่นึ่งซีอิ๊ว อีกหนึ่งเมนูลดน้ำหนักจากอกไก่ที่ทำได้ง่าย

เมื่อพูดถึงเมนูอาหารเพื่อสุขภาพอย่าง อกไก่นึ่งซีอิ๊ว แล้ว ต้องบอกว่าเป็นเมนูที่ทำง่ายมาก ๆ เหมาะสำหรับคนลดน้ำหนักที่อยากทำอาหาร มื้อเย็นง่าย ๆ ทานเองที่บ้าน เพราะกระบวนการนึ่งเป็นวิธีทำอาหารที่ง่ายที่สุด ซึ่งเมนู อาหารคลีน นี้ก็เป็นการนำอกไก่ไปนึ่ง จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการทำน้ำซีอิ๊วโดยนำส่วนผสมต่าง ๆ มาผสมกันและนำไปราดบนอกไก่นึ่ง หากใครต้องการโปรตีนเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ การ ทำอาหารคลีนง่ายๆ อย่างเมนูอกไก่นึ่งซีอิ๊วก็น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี 

สูตรอกไก่นึ่งซีอิ๊วสำหรับคนลดน้ำหนัก ชวน ทำอาหารคลีน ง่ายๆ ปรุงเองได้ไม่ยาก

สำหรับใครที่กำลัง ลดน้ำหนัก อยู่ในตอนนี้ และต้องการสูตร อาหารคลีนแบบประหยัด เพื่อทำทานเองที่บ้าน วันนี้เรามีสูตรอกไก่นึ่งซีอิ๊วแบบฉ่ำ ๆ มาฝากกันด้วย บอกเลยว่าคนลดน้ำหนักที่ชอบทานอกไก่จะต้องถูกใจอย่างแน่นอน เพราะเป็นสูตร อาหารคลีนทำเอง ง่าย ๆ แต่รสชาตินั้นไม่ธรรมดา เพียงแค่เลือกวัตถุดิบและส่วนผสมที่ใช้ปรุงให้ดี หากใครอยากทำอาหารคลีน ง่ายๆ อย่างเมนูอกไก่นึ่งซีอิ๊ว มาดูกันว่ามีวัตถุดิบและวิธีการทำอย่างไรบ้าง 

วัตถุดิบการทำอกไก่นึ่งซีอิ๊ว

1. อกไก่ 2 ชิ้น
2. น้ำเปล่า 150 มิลลิลิตร
3. ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
4. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
5. น้ำมันงา 1 ช้อนชา
6. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
7. ซีอิ๊ว 2 ช้อนโต๊ะ
8. เห็ดหอม 3 ดอก
9. ขิงซอย 1 ถ้วย
10. พริกชี้ฟ้าแดงซอย 1 เม็ด
11. ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ 

วิธีการทำอกไก่นึ่งซีอิ๊ว

1. ขั้นตอนแรกต้มน้ำให้เดือดแล้วนำอกไก่ที่เตรียมไว้ลงไปนึ่งประมาณ 15 นาที เตรียมทำน้ำซีอิ๊ว โดยใส่ซอสปรุงรสลงในภาชนะผสม ตามด้วยซีอิ๊ว ซอสหอยนางรม น้ำมันงา และพริกไทยป่น คนให้เข้ากัน เสร็จแล้วพักไว้
2. เมื่อนึ่งไก่ครบ 15 นาที จะเห็นว่ามีน้ำออกมาจากเนื้อไก่ ให้เทน้ำดังกล่าวออก จากนั้นใส่เห็ดหอมและขิงซอย พร้อมกับราดน้ำซีอิ๊วที่เตรียมไว้ลงไป เสร็จแล้วปิดฝานึ่งต่ออีก 20 นาที
3. เมื่อนึ่งอกไก่จนครบ 20 นาทีแล้ว ให้นำออกมาจัดใส่จานพร้อมกับโรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดงและต้นหอมซอย ถือเป็นอันเสร็จพร้อมรับประทาน 

เทคนิคการเลือกอกไก่สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบ ทำอาหารคลีน ง่ายๆ เมนูอกไก่นึ่งซีอิ๊ว

สำหรับเทคนิคการทำอาหารด้วย เมนูอกไก่ จำเป็นอย่างมากที่เราต้องเลือกหรือคัดสรรวัตถุดิบให้ดี เพราะการจะปรุงรสออกมาให้อร่อยได้นั้น วัตถุดิบจะต้องมีคุณภาพด้วย หากใครอยากจะ ทำอาหารคลีน ง่าย ๆ ทานเองที่บ้านด้วยเมนูอกไก่นึ่งซีอิ๊ว แนะนำให้เลือกอกไก่ที่มีเนื้อแน่นและไม่ติดหนัง หากสังเกตจากไก่ก็ต้องเป็นไก่ตัวอ้วน เพราะไก่ตัวอ้วนจะมีเนื้อแน่น เหมาะกับการนำมาทำอาหาร มื้อเย็นคลีน ๆ สำหรับคนลดน้ำหนัก 

เคล็ดลับการเพิ่มกลิ่นหอมด้วยน้ำซีอิ๊ว ช่วยให้อกไก่นึ่งน่าทานมากขึ้น

สูตรการทำอกไก่นึ่งซีอิ๊วที่เราแนะนำไปนั้นจะเป็นการนึ่งไก่และราดด้วยน้ำซีอิ๊วที่ได้จากการนำส่วนผสมต่าง ๆ มารวมกัน แต่ทว่าใครที่อยากทาน อาหารคลีนง่าย ๆ อย่างเมนูอกไก่นึ่งซีอิ๊ว และต้องการให้อกไก่มีกลิ่นหอมของน้ำซีอื๊วมากกว่าเดิม เราสามารถอาหารคลีนได้ง่าย ๆ โดยการนำอกไก่ที่ยังไม่ผ่านการนึ่งมาหมักกับน้ำซีอิ๊วและสมุนไพรต่าง ๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที จะช่วยให้น้ำซีอิ๊วซึมเข้าสู่อกไก่ได้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้มีกลิ่นหอมมากขึ้นนั่นเอง บอกเลยว่าเหมาะกับเมนู มื้อเย็นทำเอง มาก ๆ

ทำอาหารคลีนง่ายๆ ทานเองด้วยเมนูอกไก่นึ่งซีอิ๊ว ควบคุมน้ำหนักได้ แถมให้ประโยชน์

ขึ้นชื่อว่าเป็น อกไก่นึ่ง แน่นอนว่าจะต้องเป็นอาหารที่ให้ทั้งประโยชน์และความอร่อย ซึ่งเหมาะกับคนลดน้ำหนักมากเลยทีเดียว เพราะ เมนูลดน้ำหนัก เมนูนี้อุดมไปด้วยโปรตีนจำนวนมากแต่ไขมันน้อย จึงให้พลังงานต่ำ สามารถช่วยควบคุมน้ำหนักและสร้างกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี แถมยังมีวิตามินบี 3 ที่ช่วยเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมันเป็นพลังงานที่ให้ร่างกายได้นำไปใช้มากขึ้นด้วย หากใครต้องการสูตรอาหาร มื้อเย็นแบบประหยัด เพื่อคุมน้ำหนัก ทำอาหารคลีนง่ายๆเมนูนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย

อ่านบทความอื่นๆ:

• ลาบอกไก่ เมนู คลีน ทำง่าย ลดน้ำหนักได้ ด้วยการปรับรสชาติ

สนับสนุนโดย: https://hilo-88.net/ 

น้ำพริก เป็นเมนูอาหารไทยที่นิยมทานคู่กับผักสดและข้าว โดยเฉพาะผักเครื่องเคียงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลย เพราะจะช่วยทำให้การทานน้ำพริกได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น และไม่ว่าจะทานคู่กับข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียวก็สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี สำหรับบทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเมนู น้ำพริกปลาทู พร้อมกับแชร์สูตรการทำแบบง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำตามได้ไม่ยากด้วย 

น้ำพริกปลาทู เมนูอาหารไทยที่นิยม ทานกันมาอย่างยาวนาน

การทานน้ำพริกของคนไทยได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมักจะทานคู่กับผักสด และเมื่อนึกถึงเมนูน้ำพริกที่ขึ้นชื่อแล้ว นอกจากน้ำพริกกะปิก็ยังมี น้ำพริก ปลาทู ที่ยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตาม สูตรอาหารไทย โดยทั่วไปจะเป็นการนำพริก กระเทียม หอมแดง ปลาทู และเครื่องเทศต่าง ๆ มาโขลกและตำรวมกัน จากนั้นปรุงรสตามที่ต้องการ ในภาคกลางจะนิยมทำเป็น น้ำพริกปลาทู ไม่ใส่ ปลาร้า แต่ในภาคอีสานมักจะใส่ปลาร้าลงไปด้วย ซึ่งจะทำให้ได้รสชาติที่แตกต่างกัน 

แชร์สูตรการทำ น้ำพริกปลาทู แบบง่าย ๆ ใช้วัตถุดิบไม่เยอะมาก แต่รสชาติไม่ธรรมดา

อย่างที่บอกไปแล้วว่าการทำ น้ำพริกปลาทูภาคกลาง จะไม่นิยมใส่ปลาร้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลด้วย เรียกได้ว่าเป็นเมนูเครื่องจิ้มของไทยที่ใช้วัตถุดิบไม่เยอะมากนัก แต่เมื่อทำเสร็จแล้วก็ดูน่าทานไม่น้อยเลย สำหรับใครที่สนใจ เมนูอาหารง่ายๆ ทำเอง อย่างน้ำพริก ปลาทู วันนี้เรามีสูตรการทำแบบง่าย ๆ มาฝากด้วย บอกเลยว่าเป็นเมนู อาหารไทย ที่ใครทำก็อร่อยได้ไม่ยาก

วัตถุดิบการทำ เมนูอาหารไทย น้ำพริก ปลาทู

1. ปลาทู 3 ตัว
2. พริกสด 10 เม็ด
3. กระเทียม 7 กลีบ
4. หอมแดง 6 หัว
5. น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
7. ต้นหอมซอย (สำหรับโรยหน้า)
8. ผักชีซอย (สำหรับโรยหน้า)

วิธีการทำน้ำพริกปลาทู ผักต้ม

1. ขั้นตอนแรกตั้งกระทะและเปิดแก๊สโดยใช้ไฟอ่อน เทน้ำมันลงไป เมื่อน้ำมันร้อนแล้วให้นำปลาทูลงไปทอดในกระทะ 
2. เมื่อทอดจนด้านหนึ่งสุกแล้วให้พลิกกลับด้าน ไม่ควรพลิกไปมาเพราะจะทำให้หนังปลาทูลอกได้ เมื่อทอดจนสุกจนทั่วแล้วให้นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน หลังจากนั้นแกะเอาแต่เนื้อปลาทูแบบไม่ให้มีก้าง
3. ตั้งกระทะแล้วใส่หอมแดงลงไป ตามด้วยกระเทียมจีน พริกจินดาเขียวและพริกจินดาแดง คั่วให้หอมและสุกเล็กน้อย เสร็จแล้วตักใส่ภาชนะเตรียมตำน้ำพริกปลาทูในขั้นตอนถัดไป
4. นำส่วนผสมที่คั่วเมื่อสักครู่ลงในครก โขลกให้พอแหลก และใส่เนื้อปลาทูลงไป จากนั้นตำส่วนผสมให้ละเอียดและเข้ากันดี
5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำมะนาว จากนั้นทำการคลุกเคล้าให้เข้ากันและโขลกอีกครั้ง เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย โรยด้วยต้นหอมซอยและผักชีซอย เสิร์ฟคู่กับผักหรือเครื่องเคียงตามความชอบได้เลย 

เทคนิคคั่วพริก กระเทียมและหอมแดงให้สุกพร้อมกัน เพื่อตำน้ำพริกปลาทู แบบไม่เสียเวลา

เมนูอาหารไทยยอดฮิต ที่ต้องทำให้พริก กระเทียม และหอมแดงสุกก่อนนำมาตำ ซึ่งเราสามารถใช้วิธีคั่วหรือย่างก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน ในกรณีที่ใช้วิธีการคั่ว แนะนำให้หั่นแบ่งกระเทียมและหอมแดงให้มีขนาดเท่า ๆ กัน เพื่อให้เวลาคั่วทุกอย่างจะได้สุกพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้เราสามารถตำ น้ำพริก ปลาทู ได้เร็วมากขึ้น เพราะถ้าหากกระเทียมและหอมแดงมีขนาดเล็กและใหญ่ปะปนกัน เวลาคั่วจะทำให้สุกไม่พร้อมกันและต้องเสียเวลาในการคั่วมากขึ้นนั่นเอง 

เคล็ดลับการเพิ่มกลิ่นหอมให้กับปลาทู ชวนให้น้ำพริกปลาทูน่าทานมากขึ้น

น้ำพริก ปลาทูเป็นเมนู อาหารไทยง่ายๆ ที่มีปลาทูเป็นวัตถุดิบหลัก และเคล็ดลับที่จะช่วยทำให้ปลาทูของเรามีกลิ่นหอมและน่าทานมากขึ้น ก็คือการนำปลาทูไปห่อด้วยใบตองหรือฟอยล์ จากนั้นย่างด้วยเตาถ่านหรือเตาแก๊สตามความสะดวก วิธีนี้จะช่วยให้ปลาทูมีกลิ่นหอมมากกว่าปกติ และเมื่อนำไปตำเป็นน้ำพริกปลาทู ก็จะช่วยให้มีกลิ่นหอมน่าทานมากยิ่งขึ้น หรือใครที่ไม่สะดวกก็สามารถนำไปทอดในน้ำมันก็ได้ ซึ่งถือเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ใช้เวลาไม่นานนัก

อ่านบทความอื่นๆ:

• แชร์เมนู อาหาร คลี น รสเด็ดกับเมนู น้ำพริกหนุ่ม ไข่ยางมะตูม

สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/ 

สเต็ก เป็นเมนูอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศสเป็นชาติแรก เดิมจะใช้เนื้อวัวเป็นวัตถุดิบหลักในการทำสเต็ก จนกระทั่งเมนูดังกล่าวเป็นที่รู้จักและถูกเผยแพร่ไปในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก จึงทำให้สเต็กเป็นเมนูอาหารนานาชาติที่มีการปรับและพัฒนาสูตรให้แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงสูตร อาหารคลีน ๆ ในปัจจุบันก็มักจะมีเมนูสเต็กเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมใช้อกไก่เป็นหลัก 

เคล็ดลับการทำสเต็กอกไก่หมักด้วยซอสมัสตาร์ด อาหารคลีน ๆ ที่ให้โปรตีนแบบจัดเต็ม

จริง ๆ แล้วสูตร อาหารคลีนทำเอง อย่างเมนูสเต็กอกไก่นั้นทำได้ไม่ยากนัก เพียงแค่ต้องเลือกวัตถุดิบให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะวัตถุดิบหลักอย่างอกไก่ แนะนำให้เลือกแบบไม่ติดหนังเพื่อให้เหมาะกับ อาหารคลีนๆ ที่เน้นโปรตีนเป็นหลัก หากใช้อกไก่ติดหนังจะมีไขมันติดมาด้วย ซึ่งไม่เหมาะกับคนลดน้ำหนัก ในกรณีที่ได้อกไก่ติดหนังมาก็สามารถแร่ออกได้ นอกจากนี้ควรเลือกชนิดของมัสตาร์ดให้เหมาะสมด้วย 

แนะนำสูตรการทำ อาหารคลีน ๆ อย่างสเต็กอกไก่มัสตาร์ด เมนูสำหรับคนลดน้ำหนัก

อย่างที่ทราบกันว่าเมนูสเต็กนั้นทำได้ไม่ยากนัก เพราะใช้วัตถุดิบไม่เยอะเหมือนกับเมนูอื่น ๆ ซึ่งเหมาะกับการทำเป็นเมนู อาหารคลีนแบบประหยัด มากทีเดียว สำหรับใครที่อยากทำ อาหาร คลีน ๆ ทานเองเพื่อควบคุมน้ำหนัก สเต็กอกไก่ก็ถือเป็นเมนูที่น่าสนใจไม่น้อยเลย และวันนี้เราก็มีสูตรสเต็กอกไก่หมักด้วยซอสมัสตาร์ดมาแนะนำด้วย ไม่ว่าจะทำเป็น เมนูลดน้ำหนัก ในมื้อเช้า มื้อเที่ยง หรือ มื้อเย็นคลีน ๆ ก็ย่อมได้เช่นกัน 

วัตถุดิบการทำ สเต็ก อกไก่

1. อกไก่ 1 ชิ้น
2. มัสตาร์ด 1 ช้อนโต๊ะ
3. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
4. ออริกาโน่อบแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
5. โรสแมรี่ 4 ก้าน

วัตถุดิบสำหรับจัดเสิร์ฟ

1. ข้าวโพดหั่นแบ่ง 2 ชิ้น
2. มันม่วง 1 ชิ้น
3. มะเขือเทศ 3 ลูก
4. บร็อคโคลี่หั่น 5 ชิ้น 

วิธีการทำ สเต็กอกไก่

1. ขั้นตอนแรกเตรียมหมักอกไก่ โดยนำอกไก่ที่เตรียมไว้ใส่ในภาชนะ จากนั้นใส่มัสตาร์ดลงไป ตามด้วยเกลือป่น ออริกาโน่อบแห้ง และโรสแมรี่ ก่อนปิดฝาภาชนะให้ใช้ส้อมจิ้มที่อกไก่เพื่อเพิ่มความนุ่ม 
2. เสร็จแล้วหมักไว้ในตู้เย็น 1 คืน ต่อมาตั้งกระทะเทฟล่อน เปิดแก๊สโดยใช้ไฟกลางค่อนอ่อน หลังจากนั้นนำอกไก่ที่หมักไว้ลงไปย่างจนสุกทั้งสองด้าน
3. นำอกไก่ที่ย่างจนสุกแล้วจัดลงจาน เสิร์ฟพร้อมกับข้าวโพด มันม่วง มะเขือเทศ และบร็อคโคลี่ เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นอันเสร็จพร้อมรับประทานแล้ว 

แนะนำการทำ อาหารคลีน ๆ สเต็กอกไก่แบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องหมักไก่นานข้ามคืน

ในการทำเมนูยอดฮิตอย่างสเต็กอกไก่นั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าขั้นตอนการหมักอกไก่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะอกไก่เป็นวัตถุดิบหลักที่จะช่วยชูรสชาติของเมนูสเต็กได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารคลีนๆ แต่รสชาติก็ยังมีความสำคัญอยู่ไม่น้อย หากใครที่อยากทำเป็นเมนู มื้อเย็นง่าย ๆ ก็สามารถหมักอกไก่อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง โดยหมักกับส่วนผสมแล้วนำไปแช่ในตู้เย็น จะเห็นว่าสเต็กอกไก่เป็นเมนู อาหารคลีนง่าย ๆ ที่ทำได้แบบไม่ยุ่งยากเลย 

เคล็ดลับการทำสเต็กไก่ให้เนื้อนุ่ม เคี้ยวแล้วละมุนลิ้น

หากใครชอบทานสเต็กอกไก่ที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มๆ ละมุนลิ้น แนะนำให้หมักอกไก่ด้วยนมสด แต่ควรเลือกนมสดไขมัน 0% เพื่อให้เหมาะกับเมนูอาหารคลีน สำหรับคนลดน้ำหนัก และเมื่อหมักเสร็จแล้วก็ใช้ส้อมจิ้มทั่วเนื้อไก่เพื่อให้นมสดซึมเข้าสู่เนื้อไก่ได้ดี ซึ่งจะช่วยให้อกไก่ที่หมักไว้นุ่มมากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ใครที่อยากทานสเต็กอกไก่เป็นเมนู มื้อเย็นทำเอง ง่ายๆ ก็สามารถใช้เบคกิ้งโซดาหมักให้เนื้อไก่นุ่มขึ้นได้ด้วย 

คุณประโยชน์ดี ๆ จาก เมนูอาหารคลีน ๆ อย่างสเต็กอกไก่มัสตาร์ด

แน่นอนว่า เมนูอกไก่ นั้นจะให้สารอาหารสำคัญอย่างโปรตีนเป็นหลัก ซึ่งเหมาะกับการ ลดน้ำหนัก มากทีเดียว นอกจากนี้ สูตรอาหารคลีน ๆ อย่างสเต็กที่เราแนะนำยังมีข้าวโพดที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุและเส้นใยอาหาร มันม่วงมีไฟเบอร์สูง มะเขือเทศมีโพแทสเซียมที่อาจช่วยลดปริมาณไขมันไม่ดีในร่างกายได้ และบร็อคโคลี่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินเค กรดโฟลิก โพแทสเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ใครจะทำทานเป็นเมนู มื้อเย็นแบบประหยัด ก็ได้เช่นกัน

อ่านบทความอื่นๆ:

• อกไก่ย่างเกลือพริกไทยดำ เมนูคลีน ๆ เหมาะกับการลีนไขมัน

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/ 

อย่างที่ทราบกันดีว่าคนไทยนิยมทานอาหารคู่กับธัญพืชอย่างข้าวเป็นหลัก และแน่นอนว่าเมนูอาหารไทยที่นิยมทานกับข้าวสวยร้อน ๆ นั้นมีอยู่หลากหลายเมนู ซึ่งแต่ละเมนูก็จะมีรสสัมผัสที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเน้นปรุงให้ได้รสชาติกลมกล่อมเป็นหลัก โดยเฉพาะเมนูแกง บทความนี้ขอนำเสนอสูตรการทำ ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า พร้อมกับเทคนิคและเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยให้เมนูแกงใส่กะทิมีรสชาติกลมกล่อม และกะทิไม่แตกมันด้วย 

เมนู ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า เมนูแกงไทยใส่กะทิ ทานคู่กับข้าวสวยยิ่งอร่อยลงตัว

ก่อนอื่นต้องบอกว่าเมนู ต้มข่าไก่ นั้นเป็นอาหารประเภทแกงที่มีการใส่กะทิลงไปด้วย นอกจากข่าและเนื้อไก่แล้ว กะทิก็ถือเป็นหนึ่งในส่วนประกอบหลักที่มีความสำคัญกับเมนูนี้ เพราะกะทิจะช่วยให้รสชาติของ ต้มข่าไก่ ใส่เห็ดนางฟ้า เข้มข้นและกลมกล่อมมากขึ้น ซึ่งจะมีความแตกต่างจาก เมนูอาหารไทย ชื่อดังอย่างต้มยำ สำหรับต้มยำนั้นจะเน้นรสชาติเผ็ดจัดจ้าน ในขณะที่เมนูต้มข่า เมนูอาหารไทยยอดฮิต จะมีรสเค็ม หวาน เปรี้ยวและเผ็ดเล็กน้อย 

สูตรการทำ ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า แบบง่าย ๆ กะทิเข้มข้น ไม่แตกมัน

เมนูอาหารประเภทแกงของไทยหลาย ๆ เมนูจะนิยมใส่กะทิเพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้น บางเมนูจะเน้นให้กะทิแตกมัน แต่สำหรับเมนู ต้มข่า ไก่ ใส่ เห็ด นางฟ้า จะไม่นิยมทำให้กะทิแตกมัน เนื่องจากเป็นอาหารที่เน้นให้มีกลิ่นหอมของสมุนไพรเป็นหลัก นอกจากนี้ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้าจะไม่เน้นรสชาติเผ็ดจัดจ้านด้วย จึงไม่นิยมทำให้กะทิแตกมัน สำหรับใครที่อยากทำเมนู อาหารไทยง่ายๆ ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ เมนูนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่ง เมนูอาหารง่ายๆ ทำเอง ที่น่าสนใจไม่น้อย มาดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลย

วัตถุดิบการทำต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า

1. สะโพกไก่ 600 กรัม
2. เห็ดนางฟ้า 300 กรัม
3. ข่า 70 กรัม
4. ตะไคร้ 70 กรัม
5. หอมแดง 70 กรัม
6. พริกจินดาแดง 30 กรัม
7. ใบมะกรูด 5 กรัม
8. ผักชีไทย 10 กรัม
9. ผักชีฝรั่ง 10 กรัม
10. พริกแห้ง 15 กรัม
11. หัวกะทิ 600 กรัม
12. น้ำเปล่า 900 กรัม
13. มะขามเปียก 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
14. น้ำมะนาว 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
15. น้ำตาลปี๊บ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
16. น้ำปลา 7 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำต้มข่าไก่

• ขั้นตอนแรกของการทำ สูตรอาหารไทย นำเห็ดนางฟ้าที่ล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วมาหั่นและฉีกตามขนาดที่ต้องการ
• นำข่ามาหั่นแว่นแบบบาง ๆ จากนั้นใช้มีดบุบหอมแดงให้พอแตก หั่นพริกจินดาแดงแบบเฉียง หั่นตะไคร้เป็นแว่น ฉีกใบมะกรูดโดยเอาก้านตรงกลางออก หั่นผักชีไทยและผักชีฝรั่งเป็นท่อน ๆ และคั้นน้ำมะนาว เตรียมไว้
• หั่นเนื้อไก่เป็นชิ้น ๆ ตามขนาดที่ต้องการ เตรียมทอดพริกแห้ง โดยตั้งกระทะแล้วเทน้ำมันลงไปเล็กน้อย จากนั้นนำพริกแห้งลงไปทอดจนหอมได้ที่ เสร็จแล้วตักใส่ภาชนะ พักไว้
• เตรียมทำต้มข่าใส่ไก่และเห็ดนางฟ้า ตั้งหม้อแล้วเทน้ำเปล่าลงไปในหม้อ ต้มให้น้ำเดือดแล้วใส่มะขามเปียก ตามด้วยตะไคร้ ข่า หอมแดง และใบมะกรูด ต้มต่อจนน้ำเดือดอีกครั้ง

• เมื่อน้ำเดือดได้ที่แล้ว ใส่เนื้อไก่ลงไป ต้มโดยใช้ไฟกลางอีกประมาณ 10 นาที หากมีฟองขึ้นมาให้ค่อย ๆ ตักออก เมื่อต้มไก่จนสุกแล้วให้ใส่เห็ดนางฟ้าลงไป จากนั้นเร่งไฟแรงเพื่อให้น้ำเดือด และค่อย ๆ คนให้ทั่ว
• เมื่อน้ำเดือดอีกครั้งให้ใส่หัวกะทิลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา เสร็จแล้วค่อย ๆ คนให้เข้ากัน และต้มอีก 2-3 นาที
• เมื่อน้ำตาลปี๊บละลายดีแล้วให้ลองชิมรสชาติดูว่าเป็นอย่างไร หากยังไม่ได้รสชาติตามที่ต้องการก็สามารถปรุงเพิ่มได้เลย
• หลังจากต้มจนครบ 2-3 นาทีแล้ว เติมหัวกะทิลงไปอีกเล็กน้อย ตามด้วยใบมะกรูด พริกจินดาแดง พริกทอด ผักชีไทยและผักชีฝรั่ง 
• เสร็จแล้วปิดแก๊ส เพิ่มความเปรี้ยวด้วยการใส่น้ำมะนาวลงไปและคนให้เข้ากัน ถือเป็นอันเสร็จสำหรับการทำเมนู อาหารไทย ยอดนิยม ทำได้ง่าย

เคล็ดลับการทำต้มข่าไก่ให้ได้น้ำกะทิข้นเนียน และไม่แตกมัน

วิธีทำต้มข่าไก่ ให้ได้กะทิข้นเนียน น้ำแกงขาวขุ่น และกะทิไม่แตกมัน ควรใส่หัวกะทิหลังจากต้มไก่จนสุกและใส่เห็ดนางฟ้าลงไปแล้ว เพราะถ้าใส่หัวกะทิลงไปตั้งแต่แรกจะทำให้กะทิแตกมันได้ และทำให้เมนูต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า ดูไม่ค่อยน่ารับประทาน นอกจากนี้การเลือกวัตถุดิบอย่างหัวกะทิก็มีความสำคัญ แนะนำให้เลือกหัวกะทิคุณภาพที่มีความเข้มข้น หรือจะเลือกใช้ กะทิกล่องต้มข่าไก่ สูตรโบราณ โดยเฉพาะก็ได้เช่นกัน 

อ่านบทความอื่นๆ:

• “ต้มยำไก่บ้านใบมะขามอ่อน” เมนูน้ำซุปอีสานรสแซ่บ นัวจี๊ดจ๊าด สะใจ! 

สนับสนุนโดย: https://hilo-88.net/ 

เมื่อพูดถึงโจ๊กเชื่อว่าหลายคนมักจะนึกถึงเมนูที่นำข้าวสารมาบดจนละเอียดแล้วนำไปต้มให้สุก ซึ่งจะให้ความรู้สึกคล้ายกับข้าวต้ม แต่รสสัมผัสแตกต่างกันเพราะเม็ดข้าวถูกบดละเอียด แต่ทว่าเมนูอย่างโจ๊กสำหรับคนลดน้ำหนักก็ไม่ได้ใช้ข้าวเสมอไป เนื่องจากข้าวเป็นธัญพืชที่ให้พลังงานสูง จึงไม่ค่อยนิยมทำเป็น เมนู คลีนง่าย ๆ สำหรับคนลดน้ำหนัก บทความนี้ขอแนะนำสูตรการทำโจ๊กด้วยไข่ขาวแบบไม่ใช้ข้าวใดๆ 

เคล็ดลับการทำโจ๊กไข่ขาวให้เป็น เมนู คลีนง่าย ๆ แบบประหยัด แต่อิ่มท้อง

สำหรับเคล็ดลับง่าย ๆ ในการทำ เมนูลดน้ำหนัก อย่างโจ๊กไข่ขาวให้อร่อยและอิ่มท้องได้แบบประหยัด เราจำเป็นต้องเลือกใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่าย ในส่วนของเครื่องปรุงต่าง ๆ แนะนำให้เลือกใช้สิ่งที่ตัวเองมีอยู่ที่บ้าน อย่างไรก็ตาม เมนูคลีนง่าย ๆ นี้ยังต้องเลือกเครื่องปรุงที่มีโซเดียมต่ำ เพื่อให้เหมาะกับคนลดน้ำหนักและเป็นผลดีกับร่างกายด้วย ส่วนเนื้อสัตว์ก็สามารถเลือกหมูหรือไก่ได้เลย แต่เน้นไม่ให้ติดมัน ซึ่งเรามีสูตร อาหารคลีนทำเอง อย่างโจ๊กไข่ขาวมาฝากด้วย 

สูตรการทำโจ๊กไข่ขาวคีโต โลว์คาร์บ เมนู คลีนง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้ไม่ยาก

หากใครที่ทานคีโตเพื่อลดน้ำหนักอยู่ โจ๊กไข่ขาว ก็ถือเป็น มื้อเช้าคลีน ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย เพราะนอกจากจะให้พลังงานต่ำแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อีกด้วย ซึ่งเหมาะกับการทานเป็น เมนู คลีนง่ายๆ มากเลยทีเดียว สำหรับสูตรการทำโจ๊กไข่ขาวที่เราจะแนะนำในวันนี้ ถือเป็นสูตร อาหารคลีนแบบประหยัด ที่ทำได้ง่ายมาก ๆ หากพร้อมแล้วเรามาดูวัตถุดิบและวิธีการทำกันเลย 

วัตถุดิบในการหมักหมู

1. หมูสันใน 50 กรัม
2. สามเกลอโขลก (รากผักชี+กระเทียม+พริกไทย) 2 ช้อนโต๊ะ
3. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
4. อิริทริทอล 1 ช้อนชา
5. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา

วัตถุดิบน้ำซุปหมูเด้ง

1. น้ำเปล่า 1 ถ้วย
2. สามเกลอ 1 ช้อนโต๊ะ
3. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
4. เกลือ (ตามความชอบ)

วัตถุดิบโจ๊กไข่ขาว มื้อเช้าทำเอง

1. ไข่ขาว 300 กรัม
2. น้ำเปล่า 300 กรัม
3. ขิงซอย (สำหรับโรยหน้า)
4. ต้นหอมซอย (สำหรับโรยหน้า) 

วิธีการทำโจ๊กไข่ขาว อาหารคลีนง่าย ๆ

1. ขั้นตอนแรกเตรียมหมักหมู ใส่หมูสันในหั่นชิ้นลงในภาชนะ ปรุงรสด้วยสามเกลอ ซีอิ๊วขาว อิริทริทอล และพริกไทยป่น เสร็จแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันและนำไปบดให้ละเอียด จากนั้นนำไปแช่แข็งทิ้งไว้ 30 นาที
2. ตั้งหม้อและเปิดแก๊สโดยใช้ไฟกลาง เทน้ำเปล่าลงไปต้มจนเดือดแล้วใส่สามเกลอลงไป ตามด้วยซีอิ๊วขาว ตักหมูเด้งที่หมักไว้เป็นก้อน ๆ ใส่ลงไปในหม้อ 
3. ต้มจนหมูสุกและลอยตัวขึ้นมา จากนั้นชิมรสชาติและปรับตามความชอบใส่เกลือลงไปเล็กน้อย จากนั้นคนให้เข้ากัน เสร็จแล้วพักไว้
4. เทน้ำเปล่าผสมกับไข่ขาวที่เตรียมไว้แล้วเทลงหม้อ เปิดแก๊สโดยใช้ไฟกลางค่อนอ่อนแล้วคนไปเรื่อย ๆ อย่าให้ไหม้
5. หากคนจนมีฟองขึ้นมาแล้วให้ปรับไฟลง เมื่อไข่ขาวข้นและเนื้อเนียนได้ที่แล้วปิดแก๊สได้เลย ตักไข่ขาวที่ได้ลงในถ้วยเสิร์ฟ 
6. ตามด้วยหมูเด้งและน้ำซุปที่เตรียมไว้ จากนั้นใส่ไข่แดง โรยหน้าด้วยขิงซอยและต้นหอมซอย ก่อนจะรับประทานให้เหยาะซีอิ๊วและพริกไทยลงไป 

เคล็ด(ไม่)ลับ การทำโจ๊กไข่ขาวทานในมื้อเช้า เมนู คลีนง่าย ๆ แบบประหยัดเวลา

หากใครที่อยากจะทำ อาหารคลีน ทานเองเป็นมื้อเช้าในช่วงลดน้ำหนักแบบประหยัดเวลา จำเป็นต้องเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะมื้อเช้าที่หลายคนมักจะยุ่ง การทำอาหารทานเองคงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก แต่ก็ยังมีอาหารหลาย ๆ เมนูที่เหมาะกับ มื้อเช้าง่าย ๆ หนึ่งในนั้นคือ โจ๊ก ไข่ขาว เมนูคลีนง่ายๆ หากต้องการประหยัดเวลาควรเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ เช่น การหมักหมูหรือไก่ ควรทำไว้ก่อนที่จะเริ่มนำมาปรุงสัก 1 คืน 

เมนูคลีนง่าย ๆ อย่างโจ๊กไข่ขาวมีประโยชน์ กับคนควบคุมน้ำหนักอย่างไร

ไข่ขาวเป็นอาหารที่มีโปรตีนอัลบูมิน เหมาะกับการนำมาปรุงเป็นเมนู ลดน้ำหนัก เนื่องจากโปรตีนดังกล่าวเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้เกือบ 100% และจัดเป็นโปรตีนย่อยง่าย เพราะฉะนั้นเมนู คลีนง่าย ๆอย่าง โจ๊กไข่ขาว จะช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะกับการทำเป็นอาหาร มื้อเช้าแบบประหยัด สำหรับคนลดน้ำหนัก เพราะเป็น เมนูไข่ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และที่สำคัญคือทานแล้วไม่อ้วน

อ่านบทความอื่นๆ:

• โจ๊ก ไก่ เมนูอาหารเช้าแสนอร่อย ที่ใครได้ทานก็ต้องร้องว้าว

สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/ 

เมื่อนึกถึงเมนูแกงเด็ดรสชาติเผ็ดจัดจ้านและกลมกล่อม ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ แล้วฟินถึงใจ หนึ่งในนั้นคงจะขาดเมนูเด็ดอย่างแกงเทโพไปไม่ได้ เชื่อว่าหลายคนชอบทานอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะ แกงเทโพหมูสามชั้น ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เรียกว่าเป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่มีทั้งเนื้อสัตว์และผัก ทานกับข้าวสวยแล้วอร่อยเข้ากันมากทีเดียว และบทความนี้ก็มีสูตรการทำแกงเทโพใส่เนื้อหมูสามชั้นมาฝากทุกคนด้วย 

ทำความรู้จักกับ แกงเทโพหมูสามชั้น เมนูอาหารรสชาติเข้มข้น ถูกใจคนไทย

ต้องบอกว่าเมนูข้าวแกงนั้นเป็น อาหารไทยง่ายๆ ที่คนไทยนิยมทานกันมาก เพราะข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทยอยู่แล้ว ซึ่งเมนูแกงของไทยหลาย ๆ เมนูก็มีรสชาติจัดจ้าน เมื่อทานกับข้าวก็จะลงตัวมากขึ้น สำหรับ แกงเทโพ สูตรโบราณ จัดเป็นแกงไทยประเภทชักส้มที่มีกะทิ ผักบุ้งและเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบหลัก เดิมจะใส่ปลาเทโพเท่านั้น แต่ในปัจจุบันจะนิยมทำเป็น แกงเทโพ หมูสามชั้น มากกว่า ถือเป็น เมนูอาหารไทยยอดฮิต อีกหนึ่งเมนูที่น่าทานมาก ๆ 

แจกสูตรการทำ แกงเทโพหมูสามชั้น แบบละเอียด พร้อมทำตามได้ไม่ยาก

สำหรับใครที่อยากลองทำเมนู แกงเทโพหมู3ชั้น ทานเองที่บ้าน วันนี้เรามีสูตรการทำแกงเทโพหมูสามชั้นแบบพิถีพิถันมาฝากด้วย โดยเรามีเทคนิคและเคล็ดลับการทำแบบละเอียดเพื่อให้มีหน้าตาที่สวยงามและรสชาติอร่อยเข้มข้นตามแบบฉบับของ อาหารไทย สำหรับคนไหนที่กำลังหา เมนูอาหารไทย ประเภทแกง ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ แล้วอร่อยลงตัว ขอแนะนำเมนูนี้เลย เรามาดูวัตถุดิบและส่วนผสม รวมถึงวิธีทำกันดีกว่า 

วิธีการทำ สูตรพริกแกงเทโพ

1. ขั้นตอนแรกใส่พริกแห้งลงไปในครกแล้วตำให้ละเอียด จากนั้นใส่เกลือลงไปเล็กน้อย ตามด้วยตะไคร้ซอย และตำให้เข้ากัน
2. จากนั้นใส่หอมแดง + กระเทียม + เมล็ดยี่หร่าที่ตำรวมกันลงไป จากนั้นตำส่วนผสมทั้งหมดให้ละเอียดและเข้ากันดี
3. เมื่อตำจนส่วนผสมทั้งหมดละเอียดและเข้ากันดีแล้วให้ตักใส่ภาชนะ และเตรียมทำแกงเทโพหมูสามชั้นในขั้นตอนต่อไป 

วัตถุดิบการทำ แกงเทโพ หมูสามชั้น

1. ผักบุ้งเลือกเฉพาะอ่อน ๆ
2. หมูสามชั้น 300 กรัม
3. ใบมะกรูด 6 ใบ
4. พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด
5. หัวกะทิ 500 มิลลิลิตร
6. หางกะทิ 300 มิลลิลิตร
7. พริกแกงเผ็ด 1/2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำมะขามเปียก 1/2 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ 

วิธีการทำแกงเทโพใส่หมูสามชั้น

1. ขั้นตอนแรกนำผักบุ้งมาล้างทำความสะอาด เสร็จแล้วใช้มือบีบให้ทั่วเพื่อให้ผักบุ้งนุ่มและสามารถดูดซึมน้ำแกงได้ดี จากนั้นนำมาหั่นเป็นท่อน ๆ นำเนื้อหมูสามชั้นมาหั่นเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
2. ฉีกใบมะกรูดโดยเอาก้านตรงกลางออก นำพริกชี้ฟ้าแดงมาหั่น และผ่าลูกมะกรูดออกเป็น 2 ส่วน จากนั้นนำเมล็ดออกและพักไว้
3. ตั้งกระทะและเปิดแก๊สโดยใช้ไฟกลาง เทหัวกะทิลงไปผัด ค่อย ๆ เทหัวกะทิลงไปผัดทีละนิด ๆ โดยผัดจนกะทิจับตัวกันเป็นก้อนและแตกมันดี
4. เมื่อผัดจนกะทิแตกมัน เมื่อมีกลิ่นหอมแล้วให้ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ตามด้วยน้ำมะขามเปียกและน้ำปลา จากนั้นผัดต่อให้เครื่องปรุงทุกอย่างเข้ากันดี
5. ใส่หมูสามชั้นลงไปและเร่งไฟแรง ผัดให้หมูสามชั้นเข้ากับพริกแกงเผ็ดเมื่อหมูสามชั้นเริ่มสุกระดับหนึ่งแล้วให้เทหัวกะทิลงไปเพิ่มเล็กน้อย คนให้เข้ากัน
6. ใส่ผักบุ้งลงไปและคนไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ผักบุ้งดำ เมื่อผัดจนผักบุ้งสุกและมีสีเข้มขึ้นแล้ว ใส่หางกะทิลงไปตามปริมาณที่ต้องการ เสร็จแล้วผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน
7. เมื่อน้ำแกงเดือดแล้วให้ปรับเป็นไฟกลาง เคี่ยวต่ออีก 5 นาที และบีบน้ำมะกรูดลงไป พร้อมใส่ลูกมะกรูดลงไปด้วย
8. เมื่อผสมเข้ากันแล้วให้เร่งไฟแรงจนน้ำแกงเดือดอีกครั้ง จากนั้นใส่พริกชี้ฟ้าแดงและใบมะกรูดลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันและปิดแก๊สได้เลย 

เคล็ดลับการผัดผักบุ้ง แกงเทโพหมูสามชั้น ให้ดูสวย ไม่เป็นสีดำคล้ำ

ผักบุ้งถือเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญกับเมนู แกง เทโพหมู มากพอสมควร เพราะการผัดผักบุ้งให้ดูสวยงาม ไม่ดำคล้ำ จะช่วยให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น โดยแนะนำให้เคี่ยวจนน้ำแกงเทโพเดือดก่อน จากนั้นใส่ผักบุ้งลงไปและคนไปเรื่อย ๆ และเมื่อน้ำแกงเริ่มแห้งลงก็อย่าเพิ่งเติมน้ำเปล่าหรือกะทิลงไป ควรผัดจนผักบุ้งสุกดีก่อนแล้วค่อยเติมน้ำเปล่าหรือกะทิ เรียกได้ว่าเป็น เมนูอาหารง่ายๆ ทำเอง ที่ต้องใส่ใจมากพอสมควร

เหตุผลที่ต้องผัดกะทิให้แตกมัน

ต้องบอกว่า สูตรอาหารไทย โบราณ โดยเฉพาะเมนูแกงรสชาติเข้มข้นจะนิยมเคี่ยวกะทิให้แตกมัน เพื่อให้ได้น้ำแกงสีแดงข้นสวยและน่ารับประทาน เช่นเดียวกับเมนู แกงเทโพ จะเห็นได้ว่าการผัดหรือเคี่ยวกะทิให้แตกมันนั้นสำคัญมาก ๆ ซึ่งต้องเคี่ยวด้วยไฟอ่อนเป็นเวลานาน จึงจะทำให้กะทิแตกมันสวย และมีลักษณะเหมือนน้ำมันลอยตัวขึ้นมา เมื่อนำพริกแกงลงไปผัดจะทำให้ได้น้ำแกงสีสวย มันและเข้มข้น โดยที่ไม่ต้องใช้น้ำมันใด ๆ เลย หากใครอยากทำเมนูแกงเทโพหมูสามชั้นก็สามารถนำสูตรที่เราแนะนำไปใช้ได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

• แกงคั่วสับปะรดหมู แกงรสกลมกล่อมจากภาคใต้

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/ 

โจ๊ก ถือเป็นเมนูอาหารที่หลายคนนิยมทานกันในมื้อเช้า เพราะเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะกับการเริ่มต้นในเช้าวันใหม่ นอกจากนี้เรามักจะเห็นอยู่บ่อย ๆ ว่าคนที่มีอาการป่วยหรือไม่สบายมักจะทานโจ๊กกัน นั่นเป็นเพราะว่าโจ๊กเป็นเมนูอาหารที่ย่อยง่าย ซึ่งจะช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ง่ายขึ้น และในกลุ่มคนลดน้ำหนัก เมนู คลีน ๆ อย่างโจ๊กก็ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อยเลย 

การทำโจ๊กไก่ด้วยตัวเองง่าย ๆ ในมื้อเช้า เมนู คลีน ๆ ที่เน้นโปรตีนเป็นหลัก

ในปัจจุบันหลายคนที่ ลดน้ำหนัก มักจะชอบทำอาหารทานเอง เพราะเป็นวิธีที่เราสามารถควบคุมปริมาณของอาหารได้ตามความต้องการ รวมถึง อาหารคลีนทำเอง ยังสามารถปรุงรสชาติตามความชอบได้อีกด้วย สำหรับใครที่อยากทำ เมนูคลีน ๆ อย่างโจ๊กไก่ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง แนะนำให้ซื้อเนื้อไก่หรืออกไก่ไม่ติดหนังที่ผ่านการบดมาแล้ว จะช่วยประหยัดเวลาได้มากขึ้น โดยเฉพาะใครที่อยากทำเมนู มื้อเช้าง่าย ๆ ก็ควรจะเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก่อน 

แนะนำสูตรการทำโจ๊กไก่ใส่ไข่ออนเซ็น เมนู คลีน ๆ ที่เหมาะกับมื้อเช้าของคนรักสุขภาพ

หากใครที่ต้องการเมนู มื้อเช้าทำเอง แบบง่าย ๆ ทานแล้วลดน้ำหนักได้ แถมให้ประโยชน์ วันนี้เรามีสูตรการทำโจ๊กไก่ใส่ไข่ออนเซ็นมาแนะนำด้วย บอกเลยว่าไก่นุ่มมาก ๆ แถมไข่ออนเซ็นยังช่วยทำให้เมนูโจ๊กน่าทานมากขึ้นด้วย สำหรับคนที่ต้องการสูตร อาหารคลีนแบบประหยัด เอาไว้ทำในมื้อเช้า สามารถนำเมนูนี้ไปทำทานกันได้เลย มาดูกันว่า เมนูคลีนๆ นี้จะมีส่วนผสมและวัตถุดิบ รวมถึงวิธีทำอย่างไรบ้าง 

วัตถุดิบในการหมักอกไก่ 

1. อกไก่บด 50 กรัม
2. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
3. พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
4. กระเทียมป่น 1 ช้อนชา
5. ผงปรุงรส (รสไก่) 1 ช้อนชา
6. แป้งมัน 1 ช้อนชา
7. น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ

วัตถุดิบการทำโจ๊กไก่ อาหารคลีนง่าย ๆ

1. ข้าวสารหอมมะลิ 300 กรัม
2. น้ำเปล่า 2,000 มิลลิลิตร 
3. ผงปรุงรส (รสไก่) 1 ช้อนชา
4. เกลือทะเล 1/2 ช้อนชา
5. เห็ดหอม 30 กรัม
6. ขิงซอย (สำหรับโรยหน้า)
7. ต้นหอมซอย (สำหรับโรยหน้า)
8. ผักชีซอย (สำหรับโรยหน้า)
9. ไข่ไก่ 1 ฟอง

วิธีการทำโจ๊กไก่

1. ขั้นตอนแรกเตรียมหมักอกไก่ นำอกไก่ที่บดละเอียดแล้วใส่ในภาชนะ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว พริกไทยดำ และกระเทียมป่น จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. ใส่ผงปรุงรสลงไป คนให้เข้ากัน ตามด้วยแป้งมันและน้ำเปล่า จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง หมักทิ้งไว้ 30 นาที
3. นำข้าวสารหอมมะลิที่บดละเอียดแล้วไปต้มกับน้ำจนกลายเป็นโจ๊ก จากนั้นตักอกไก่ที่หมักไว้เป็นก้อน ๆ ลงไปและคนเล็กน้อย เมื่อไก่สุกแล้วปรุงรสด้วยผงปรุงรส และเกลือทะเล เสร็จแล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง
4. หั่นเห็ดหอมเป็นชิ้น ๆ และใส่ลงไปในหม้อต้มโจ๊ก จากนั้นคนให้เข้ากันและรอจนเห็ดหอมสุก เสร็จแล้วปิดแก๊ส พักไว้
5. เตรียมทำไข่ออนเซ็น ตั้งหม้อแล้วเทน้ำเปล่าลงไป 1 ลิตร ต้มให้เดือดแล้วปิดแก๊ส จากนั้นเติมน้ำเปล่าลงไปอีก 200 มิลลิลิตร เสร็จแล้วตอกไข่ลงไป ปิดฝาหม้อและพักไว้ 15 นาที
6. ตักโจ๊กที่ต้มจนสุกแล้วใส่ถ้วย จากนั้นใส่ไข่ออนเซ็นลงไปด้านบน ตามด้วยขิงซอย ต้นหอมซอย และผักชีซอย โรยพริกไทยดำและน้ำมันงา เพียงเท่านี้ก็ได้ มื้อเช้าคลีน ๆ พร้อมรับประทานแล้ว 

เคล็ดลับการทำโจ๊กไก่ให้เป็นเมนู คลีน ๆ ที่เน้นโปรตีนมากกว่าไขมัน

แน่นอนว่าการทำ อาหารคลีน นั้นเราจะต้องให้ความสำคัญกับวัตถุดิบเป็นหลัก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ที่ใช้ สำหรับ เมนูไก่ อย่างโจ๊กไก่นั้นจะต้องเลือกอกไก่หรือเนื้อไก่ที่ไม่ติดหนัง หากเป็นอกไก่ล้วน ๆ จะดีมาก เพราะเป็นส่วนที่มีไขมันน้อยและอุดมไปด้วยโปรตีนจำนวนมาก ถือว่าเป็นเมนู คลีน ๆ เหมาะกับคนลดน้ำหนักและต้องการสร้างกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ นอกจากนี้ เมนูลดน้ำหนัก ที่ดีควรเลือกใช้เครื่องปรุงให้เหมาะสมด้วย 

เทคนิคการทำไข่ออนเซ็น เมนูคลีน ๆ ง่าย ๆ มือใหม่ควรรู้

สำหรับมือใหม่ที่จะทำ โจ๊กไก่ แต่ยังไม่เคยทำไข่ออนเซ็นมาก่อน หลังจากต้มน้ำจนเดือดและเติมน้ำเปล่าอุณหภูมิปกติลงไปแล้ว ในกรณีที่ไม่สะดวกตอกไข่ก็สามารถใส่ไข่ลงไปทั้งใบได้ จากนั้นปิดฝาหม้อและรอประมาณ 15-20 นาที เมื่อครบเวลาให้นำไข่ออกจากหม้อและแกะเปลือกไข่ทันที หากยังไม่แกะควรรีบน็อคน้ำเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้ไข่สุกไปมากกว่าเดิม โดยไข่ไก่จะนิยมใช้ทำอาหาร มื้อเช้าแบบประหยัด หากใช้ไข่ที่แช่ในตู้เย็นทำเมนู คลีน ๆควรจะรอให้ไข่มีอุณหภูมิปกติก่อน

อ่านบทความอื่นๆ:

• สูตรการทำเมนู อาหาร คลี น ง่ายๆ แกงจืดไก่ก้อนเต้าหู้ ทานได้ไม่มีเบื่อ

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/ 

คนไทยนิยมทานข้าวเป็นอาหารหลัก เพราะข้าวเป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นแหล่งพลังงานที่ให้สารอาหารที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด โดยส่วนใหญ่คนไทยจะนิยมทานข้าวกับเมนูอาหารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูต้ม ผัด แกง ทอด หรือแม้แต่เมนูเครื่องจิ้มยอดฮิตอย่าง น้ำพริกกะปิ ซึ่งนิยมทานกันมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จัก พร้อมแจกสูตรการทำอย่างละเอียดด้วย 

ทำความรู้จักกับ น้ำพริกกะปิ เมนูอาหารทำง่ายที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน

เมื่อพูดถึง เมนูอาหารไทย โบราณที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน หนึ่งในนั้นต้องมีเมนูพื้นบ้านอย่างน้ำพริกแน่นอน โดยน้ำพริกนั้นเป็นอาหารที่คนไทยทานกันตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งในปัจจุบันน้ำพริกก็ยังถือเป็นอาหารที่คนไทยหลายคนนิยมทานกันมากพอสมควร และเมนูน้ำพริกยอดนิยมก็คงจะหนีไม่พ้น น้ำพริก กะปิ ในส่วนของ น้ำพริกกะปิดั้งเดิม จะนิยมทานกับผักและเครื่องเคียงหลายชนิด เช่นเดียวกับปัจจุบัน นอกจาก น้ำพริกกะปิผักสด แล้ว คงจะขาดไข่เจียวชะอมและปลาทูทอดไปไม่ได้ 

แจกสูตรการทำ น้ำพริกกะปิ ด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ ใช้วัตถุดิบที่หาได้ไม่ยาก

ทุกวันนี้เราจะเห็นได้ว่า เมนูอาหารไทยยอดฮิต อย่างน้ำพริกนั้นมีหลายสูตรมากเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นหนึ่งในเมนูที่หลายคนเลือกทำขายกันมากในปัจจุบัน ซึ่งน้ำพริกจะมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน และน้ำพริกบางสูตรอาจมีการนำ สูตรน้ำพริกกะปิ โบราณ มาประยุกต์ใช้ วันนี้เราขอแนะนำสูตรการทำ น้ำพริกกะปิ พร้อมกับไข่เจียวชะอมและปลาทูทอดแบบง่าย ๆ ทานคู่กับผักเคียงและข้าวสวยร้อน ๆ แล้วเข้ากันอย่างแน่นอน มาดูกันว่า สูตรอาหารไทย เมนูนี้มีขั้นตอนและวิธีการทำอย่างไรบ้าง 

วัตถุดิบการทำน้ำพริกกะปิ 

1. พริกขี้หนู 2 ช้อนโต๊ะ
2. กระเทียมไทย 2 ช้อนโต๊ะ
3. กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
5. มะนาว 2 ลูก
6. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
8. มะเขือพวง 50 กรัม 

วิธีการทำน้ำพริกกะปิ

1. ขั้นตอนแรกให้เตรียมวัตถุดิบ โดยหั่นมะนาวเป็นซีก ๆ เตรียมไว้
2. ใส่กระเทียมไทยและพริกขี้หนูลงไปในครก จากนั้นค่อย ๆ ตำให้ละเอียด ปรุงรสด้วยกะปิ น้ำตาลปี๊บ และน้ำปลาเล็กน้อย เสร็จแล้วค่อย ๆ ตำให้ทุกอย่างละเอียดและเข้ากันดี
3. ใส่มะเขือพวงลงไปแล้วตำพอละเอียด ปรุงรสเพิ่มความเปรี้ยวด้วยการบีบมะนาวลงไป จากนั้นใช้ช้อนคลุกเคล้าให้เข้ากัน และเติมน้ำต้มสุกลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง เสร็จแล้วพักไว้ 

เคล็ด(ไม่)ลับทอดไข่เจียวชะอมง่าย ๆ ให้กรอบฟู ทานคู่กับน้ำพริกกะปิ แล้วอร่อยลงตัว

อย่างที่ทราบกันว่า เมนูอาหารง่ายๆ ทำเอง อย่างเมนูน้ำพริกกะปิ จะนิยมทานคู่กับผักหรือเครื่องเคียงต่าง ๆ และที่สำคัญคนไทยจะนิยมทานน้ำพริกคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ด้วย ซึ่งถ้ามีข้าวสวยแล้วก็คงจะขาดไข่เจียวชะอมและปลาทูทอดไปไม่ได้ จึงทำให้ต้องมีเมนู น้ำพริกกะปิไข่ชะอม และ น้ำพริกกะปิปลาทู และเคล็ดลับในการทอดไข่เจียวชะอมให้กรอบฟูและไม่อมน้ำมันนั้นง่ายนิดเดียว เพียงแค่ใส่น้ำมันในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไป หลังจากทอดเสร็จให้พักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน จะช่วยให้น้ำมันที่อมไข่อยู่ถูกดูดออกไป 

เมนูอาหารไทย น้ำพริกกะปิทานคู่กับอะไรก็อร่อย ทำง่ายนิดเดียว

เชื่อว่าหลายคนทราบดีอยู่แล้วว่าน้ำพริกกะปิ กินกับอะไร ก็อร่อย เพราะเป็นเมนูดั้งเดิมของไทยที่มีการรับประทานมาอย่างเนิ่นนาน นอกจากข้าวสวยร้อน ๆ แล้ว จะเลือกทานกับผักเครื่องเคียงอย่างเดียวก็ได้ เนื่องจากน้ำพริกกะปิเป็นเมนูเครื่องจิ้มที่มีรสเผ็ดและกลมกล่อม ไม่ว่าจะทานกับอะไรก็อร่อย ในส่วนของ สูตรน้ำพริกกะปิ ผักต้ม นั้นก็จะเน้นรสชาติที่จัดจ้าน เพื่อให้ทานกับผักได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นเมนู อาหารไทยง่ายๆ ที่สามารถปรุงรสได้ตามความชอบเลย

อ่านบทความอื่นๆ:

• แชร์เมนู อาหาร คลี น รสเด็ดกับเมนู น้ำพริกหนุ่ม ไข่ยางมะตูม

สนับสนุนโดย: https://hilo-88.com/ 

เมื่อนึกถึงเมนูอาหารสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักแล้ว หากเป็นเนื้อสัตว์มักจะนิยมใช้เนื้อไก่เป็นวัตถุดิบหลัก เพราะเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ อีกทั้งยังมีไขมันและคอเลสเตอรอลต่ำด้วย นั่นจึงทำให้เนื้อไก่ถูกนำมาใช้ทำเป็น เมนูคลีน ๆ อยู่บ่อย ๆ เช่นเดียวกับวันนี้เราก็มีเมนูเกี่ยวกับไก่มาแนะนำด้วย นั่นก็คือเมนูอกไก่ย่างเกลือและพริกไทยดำ สำหรับใครที่อยากลดน้ำหนักก็สามารถทำเมนูนี้ทานเองได้เลย 

การทำอกไก่ย่าง เมนูคลีน ๆ ให้ได้รับสารอาหาร และลดน้ำหนักได้ในเวลาเดียวกัน

การจะทำให้เมนู อกไก่ย่าง ของเรามีประโยชน์มากขึ้น และในขณะเดียวก็สามารถช่วย ลดน้ำหนัก ได้ด้วย เราควรเลือกอกไก่ที่มีคุณภาพ โดยต้องมีความสดและไม่ติดมัน จึงจะเหมาะกับการทำ เมนูคลีนๆ นอกจากนี้ถ้าต้องการให้เมนูอกไก่ย่างเกลือและพริกไทยดำมีประโยชน์มากขึ้น เราสามารถเพิ่มไข่ต้มและผักต่าง ๆ ลงไปได้ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากเมนูดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น นอกจากความอร่อยแล้ว เมนู อาหารคลีน อย่างอกไก่ย่างยังให้ประโยชน์กับคนลดน้ำหนักด้วย เพราะอกไก่เป็นส่วนที่มีไขมันน้อยที่สุด

สูตรการทำอกไก่ย่างเกลือพริกไทยดำ เมนูคลีน ๆ ที่เน้นโปรตีนจากไก่

สำหรับใครที่กำลังคิดหาสูตร อาหารคลีนง่าย ๆ เพื่อควบคุมน้ำหนักของตัวเองไม่เพิ่มขึ้น การทานเนื้อสัตว์อย่างไก่ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเนื้อไก่มีไขมันค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับเนื้อหมู จะเห็นได้ว่า เมนูลดน้ำหนัก ส่วนใหญ่มักจะใช้อกไก่เป็นวัตถุดิบหลัก เช่นเดียวกับวันนี้ที่เรากำลังจะแนะนำสูตรการทำอกไก่ย่างเกลือพริกไทยดำ มาดูกันว่าเมนูคลีน ๆ นี้มีวัตถุดิบและส่วนผสม รวมถึงวิธีการทำอย่างไรบ้างใครที่สนใจเมนู มื้อเย็นไม่อ้วน ก็สามารถทำเมนูนี้ทานได้เลย

วัตถุดิบการทำอกไก่ย่างเกลือพริกไทยดำ

1. อกไก่ 1 ชิ้น
2. เกลือ
3. พริกไทยดำป่น
4. ถั่วฝักยาวหั่น 1 หยิบมือ
5. แครอทซอย 1 หยิบมือ
6. มะเขือเทศหั่น 3-4 ลูก
7. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย

วิธีการทำอกไก่ย่างเกลือพริกไทยดำ

1. ขั้นตอนแรกนำอกไก่ที่เตรียมไว้มาหมักกับเกลือและพริกไทยดำป่น โรยลงไปและใช้มือทาให้ทั่วจนเกลือและพริกไทยดำซึมเข้าสู่เนื้อไก่
2. ตั้งกระทะและใส่น้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย เปิดแก๊สโดยใช้ไฟกลางค่อนอ่อน นำอกไก่ลงไปย่างจนสุกทั้งสองด้าน เสร็จแล้วตักออกจากกระทะและใส่ภาชนะ พักไว้
3. ใส่ถั่วฝักยาวหั่นและแครอทซอยลงไปผัดในกระทะ เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย จากนั้นใส่มะเขือเทศหั่นลงไป ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยดำเล็กน้อย
4. เมื่อผัดจนทุกอย่างพอสุกได้ที่แล้วให้ปิดแก๊ส จากนั้นนำไปจัดเสิร์ฟในภาชนะพร้อมกับอกไก่ย่าง เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นอันเสร็จ 

วิธีทำความสะอาดอกไก่ไม่ให้คาว ช่วยให้ เมนู คลีน ๆ อย่างอกไก่ย่างมีรสสัมผัสที่หอมอร่อย

หลายคนอาจเคยประสบกับปัญหาอาหารมีกลิ่นคาวจากเนื้อไก่ เพราะล้างทำความสะอาดไม่ถูกวิธี วันนี้เราจึงมีเทคนิคง่าย ๆ สำหรับมือใหม่ที่อยากทำ เมนูอกไก่ ทานเอง เมื่อได้อกไก่หรือเนื้อไก่มาแล้วให้ใช้เกลือทาจนทั่วแล้วนวดเบา ๆ เพื่อขจัดกลิ่นคาวออกไป เมื่อนำไปทำ เมนูคลีนๆ แล้วจะช่วยให้ได้รสชาติที่อร่อยและมีกลิ่นหอมมากขึ้น หลังจากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดสัก 2-3 รอบ จะช่วยให้กลิ่นคาวจากเนื้อไก่หมดไปได้ หากใครสนใจ อาหารคลีนทำเอง จากเนื้อไก่ก็สามารถนำเทคนิคนี้ไปใช้ได้เลย

เคล็ดลับการทำอกไก่ย่าง เมนูคลีนๆ สำหรับมื้อเช้าให้หอมอร่อยยิ่งกว่าเดิม

ต้องบอกว่าสูตรการทำ อาหารคลีนแบบประหยัด อย่างอกไก่ย่างเกลือพริกไทยดำที่เราแนะนำไปนั้นจะเหมาะกับที่ต้องการประหยัดเวลาในการทำเมนูคลีน ๆทานเอง แต่สำหรับใครที่อยากทานเมนูอกไก่ย่างในมื้อเช้าให้อร่อยมากขึ้น แนะนำให้หมักไก่ด้วยเกลือและพริกไทยดำป่น อาจใส่สมุนไพรบางชนิดเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม จากนั้นหมักทิ้งไว้ในตู้เย็น 1 คืน เมื่อนำมาย่างแล้วจะทำให้อกไก่มีรสชาติที่อร่อยและมีกลิ่นหอมมากขึ้น ซึ่งจะทำเป็นเมนู มื้อเย็นง่าย ๆ ก็ได้เช่นกัน

อ่านบทความอื่นๆ:

• ลาบอกไก่ เมนู คลีน ทำง่าย ลดน้ำหนักได้ ด้วยการปรับรสชาติ
• สเต็กอกไก่พริกไทยดำ