Categories
สูตรอาหาร

แจกสูตร ต๊อกโบกี อาหารเกาหลีทำง่าย พร้อมเคล็ดลับปรุงรสสุดฟินเหมือนกินที่เกาหลี 

ต๊อกโบกี

ปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้ว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจกับอาหารต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาหารเกาหลีที่คนไทยได้รับอิทธิพลมาจากการดูซีรีส์ ทว่าอาหารเกาหลียอดนิยมที่หลายคนนึกถึงนั้น เชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีเมนู ต๊อกโบกี เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่มีหน้าตาน่าทานมาก ๆ ไม่เพียงแค่คนเกาหลีและคนไทยเท่านั้นที่ชื่นชอบ ชาวต่างชาติเองก็ให้ความสนใจอยู่เช่นกัน 

ทำความรู้จักกับ ต๊อกโบกี หนึ่งในเมนูอาหารเกาหลีที่ได้รับความนิยม

ต๊อกโบกี

ต๊อกโบกีคือ อาหารเกาหลีที่ทำจากแป้งต็อก หรือเรียกอีกอย่างว่า “เค้กข้าว” บอกได้เลยว่าเป็นอาหารเกาหลียอดนิยมที่มีรสชาติอร่อยและทำง่ายมาก ๆ โดยแป้งของต๊อกโบกีนั้นจะมีความเหนียวนุ่ม ซึ่งตัวแป้งจะผสมกับซอสรสเข้มข้น ทำให้มีรสชาติอร่อยลงตัว พอเคี้ยวแล้วฟินมาก นับเป็นเมนู อาหารเกาหลีในซีรีส์ ที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเมนูนี้อยู่คู่กับคนเกาหลีมาอย่างยาวนาน 

แนะนำสูตรการทำ ต๊อกโบกี ง่าย ๆ แต่มีรสชาติอร่อยเหมือนได้กินที่เกาหลี

ใครที่เป็นคอซีรีส์เกาหลีน่าจะคุ้นเคยกับ เมนูอาหารเกาหลี นี้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอาหารเกาหลียอดนิยมที่หลายคนให้ความสนใจ ปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องบินไกลไปถึงเกาหลีแล้ว ถ้าอยากกิน ต๊อก โบกี ก็เพียงแค่ไปซื้อที่ห้างสรรพสินค้า หรือใครอยากลงมือทำเองง่าย ๆ ที่บ้านก็เตรียมตัวไว้เลย เพราะวันนี้เรามี สูตรต๊อกโบกี ง่ายๆ มาฝากทุกคนด้วย มาดูกันว่าเราจะต้องใช้วัตถุดิบและส่วนผสมอะไรบ้าง และมีขั้นตอนวิธีการทำอย่างไร 

ต๊อกโบกี

วัตถุดิบการทำต๊อกโบกี 

  1. แป้งต๊อก 400 กรัม
  2. ออมุก/ลูกชิ้นปลาแผ่น 3 แผ่น
  3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  4. ผงปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
  5. พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  7. โคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำเชื่อม 1 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำเปล่า 150 มิลลิลิตร
  10. ต้นหอมซอย (ตามความชอบ) 

วิธีทำต๊อกโบกี ง่ายๆ

1.ขั้นตอนแรกนำไข่ไก่มาต้มให้สุก และในระหว่างที่รอไข่สุกให้เตรียม แป้งต๊อกโบกี โดยนำแป้งต๊อกมาแช่น้ำให้นิ่ม ต่อมานำออมุกมาหั่นยาว เสร็จแล้วพักไว้

ต๊อกโบกี
  1. ขั้นตอนต่อมาเตรียมส่วนผสมของซอส เริ่มจากนำพริกป่นมากรองด้วยตะแกรงให้ได้เนื้อละเอียดขึ้น เสร็จแล้วใส่ในถ้วยผสม ใส่น้ำตาลทรายเพิ่มลงไป 
  2. ตามด้วยผงปรุงรส น้ำเชื่อม และโคชูจัง เสร็จแล้วผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ขั้นตอนนี้สามารถเติมน้ำลงไปเล็กน้อยได้ เมื่อต้มไข่จนสุกแล้วให้นำมาปอกเปลือกเตรียมไว้ ต่อมานำแป้งต๊อกที่แช่น้ำจนนิ่มขึ้นมาสะเด็ดน้ำ
  3. ตั้งกระทะแล้วเปิดไฟกลาง ใส่น้ำเปล่าลงไป 150 มิลลิลิตร ตามด้วยซอสที่ผสมไว้เมื่อสักครู่ จากนั้นคนให้ละลาย เมื่อเริ่มเดือดแล้วให้ใส่แป้งต๊อกลงไปต้ม
  4. เมื่อ แป้งต๊อก เริ่มสุกแล้วให้ใส่ออมุกลงไป คนให้เข้ากันเล็กน้อย ในระหว่างนี้หมั่นสังเกตดูอย่าให้ตัวน้ำซอสแห้งจนเกินไป หากน้ำซอสแห้งให้เติมน้ำเปล่าลงไป
  5. เมื่อทุกอย่างสุกแล้วให้ใส่ไข่ต้มลงไป คนให้เข้ากัน โรยต้นหอมซอยลงไปและคนอีกครั้ง จากนั้นปิดแก๊สและจัดใส่จานเสิร์ฟได้เลย 

เมนูอาหารเกาหลียอดฮิต ต๊อกโบกี ปรุงรสเองให้อร่อยฟินเหมือนบินไปกินที่เกาหลีได้ไม่ยาก

ต๊อกโบกี

ต๊อกบกกี หรือต๊อกโบกี เป็นอาหารเกาหลีที่โดดเด่นในเรื่องของรสชาติ โดยเฉพาะรสสัมผัสของแป้งนิ่ม ๆ ที่ทำให้หลายคนประทับใจ เมื่อเคี้ยวแล้วจะมีความหนุบหนับ แต่ทว่าความอร่อยของเมนูต๊อกโบกี นั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวแป้งเพียงอย่างเดียว สิ่งสำคัญที่ทำให้แป้งอร่อยก็อยู่ที่ตัวซอสด้วย สำหรับ สูตรต๊อกโบกี ที่เราแนะนำนี้จะใช้ส่วนผสมที่สามารถหาซื้อได้ง่ายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป ไม่ว่าใครก็สามารถทำตามได้เลย 

วิธีรับประทานต๊อกอย่างไรให้อิ่มอร่อยและได้ประโยชน์

ต๊อกโบกี

หลายคนอาจลืมคิดไปว่าเมนู อาหารเกาหลียอดฮิต เมนูนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่รสชาติเท่านั้น แต่ทว่าคุณประโยชน์ที่จะได้รับจากการทานก็มีอยู่ไม่น้อย สำหรับใครที่อยากทานต๊อกโบกีให้อิ่มอร่อยและได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ แนะนำให้เพิ่มเนื้อสัตว์และผักลงไปด้วย ทั้งนี้ปริมาณแคลอรี่จะเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนักก็สามารถทานได้ เพียงแค่ใส่ออมุกและไข่ต้มตามสูตรที่เราแนะนำไปเท่านั้น ซึ่งเมนู อาหารเกาหลีง่ายๆ จะได้รับพลังงานน้อยลง

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
สูตรอาหาร

จาจังมยอน เมนูเกาหลียอดฮิตที่น่าลอง พร้อมแจกสูตรการทำแบบง่าย ๆ ใช้วัตถุดิบไม่มาก

จาจังมยอน

เชื่อว่าคอซีรีส์เกาหลีจะต้องรู้จักเมนูอาหารของเกาหลีกันเป็นอย่างดี บางคนอาจไม่ได้รู้จักมากนัก แต่ก็ยังพอมีความคุ้นเคยอยู่บ้าง และเมื่อกล่าวถึงเมนูอาหารยอดฮิตในซีรีส์เกาหลีที่หลายคนพูดถึง หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นเมนูอย่าง จาจังมยอน เรียกว่าเป็นอาหารเกาหลีที่คนไทยหลายคนให้ความสนใจอย่างมาก ซึ่งมีลักษณะเป็นบะหมี่เกาหลีราดซอสสีดำ โดยในเมนูจะมีทั้งเส้น เนื้อสัตว์และผัก รสชาติหวานนิดขมหน่อย แต่โดยรวมถือว่าอร่อยพอสมควร 

การรับประทาน จาจังมยอน ของคนเกาหลีที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีน

จาจังมยอน

ต้องบอกว่า จาจังมยอนคือ เมนูอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากพ่อค้าคนจีน ซึ่งได้นำเมนูนี้ได้เข้ามาเผยแพร่ที่ China Town เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ในปี ค.ศ. 1905 เดิม จาจังมยอน จะมีรสชาติสไตล์จีน ต่อมาได้ปรับรสชาติให้ถูกปากคนเกาหลีมากขึ้น ซึ่งคนเกาหลีจะนิยมทานจาจังมยอน หรือ บะหมี่ดำเกาหลี คู่กับกิมจิ หัวหอมใหญ่ หัวไชเท้าดอง และผักอื่น ๆ ที่เข้ากันได้ดี 

แจกสูตร จาจังมยอน บะหมี่ซอสดำรสเด็ดจากเกาหลี ทำกินเองได้ง่าย ๆ ไม่ต้องง้อใคร

จาจังมยอน

ถึงแม้ว่าจะมีความคุ้นเคยกับ อาหารเกาหลียอดฮิต จากซีรีส์เกาหลี แต่ถ้าหากไม่ได้ศึกษามาก่อนว่า จาจังมยอนใส่อะไรบ้าง ก็อาจทำให้เราไม่ทราบว่าจะต้องเตรียมวัตถุดิบและส่วนผสมอะไรบ้าง สำหรับทำเมนูดังกล่าว แต่ไม่ต้องกังวลเลย เพราะวันนี้เรามีสูตรการทำ จาจังมยอน แบบง่าย ๆ ใช้วัตถุดิบไม่มากมาฝากทุกคนด้วย หากใครอยากลองทำทานเองที่บ้านก็เอาสูตรนี้ไปทำตามได้เลย 

วัตถุดิบการทำจาจังมยอน เมนูอาหารเกาหลี

จาจังมยอน
  1. เส้นอุด้ง 1 กิโลกรัม
  2. ผงจาจังมยอนสำเร็จรูป 100 กรัม
  3. หมูสามชั้น 300 กรัม
  4. หัวหอมใหญ่ 1/2 หัว
  5. มันฝรั่ง 1 หัว
  6. แครอท 1 หัว
  7. น้ำมันพืช
  8. น้ำเปล่า
  9. พริกสดหั่น (ตามความชอบ)
  10. แตงกวาหั่น (ตามความชอบ)

วิธีการทำจาจังมยอน

จาจังมยอน
  1. ขั้นตอนแรกเตรียมวัตถุดิบให้พร้อม เริ่มจากนำหมูสามชั้นมาหั่นเป็นชิ้น ๆ ตามต้องการ ต่อมานำหัวหอมใหญ่ มันฝรั่งและแครอท มาหั่นเต๋า เสร็จแล้วพักไว้
  2. ตั้งกระทะแล้วเปิดไฟกลาง เทน้ำมันพืชลงไป ตามด้วยหมูสามชั้น ผัดจนหมูสามชั้นสุกแล้วค่อย ๆ ใส่มันฝรั่งและแครอทลงไป ผัดให้เข้ากัน จากนั้นใส่หัวหอมใหญ่ลงไปแล้วผัดให้เข้ากันอีกครั้ง
  3. เมื่อผัดจนทุกอย่างเริ่มสุกแล้ว เติมน้ำเปล่าลงไปให้พอดีกับส่วนผสม และต้มทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ขั้นตอนต่อมาเตรียมต้มเส้นอุด้ง โดยเริ่มจากต้มน้ำให้เดือดจัดแล้วนำเส้นอุด้งลงไปลวกให้สุก 
  4. เสร็จแล้วนำไปล้างน้ำสะอาดและพักไว้ เมื่อต้มจนหมูสามชั้น มันฝรั่ง แครอทและหัวหอมใหญ่สุกดีแล้ว ต่อมาให้ใส่ผงจาจังมยอนลงไป คนให้เข้ากันและรอจนน้ำซอสข้นได้ที่ 
  5. เสร็จแล้วปิดแก๊สและเตรียมจัดเสิร์ฟ นำเส้นอุด้งใส่ในถ้วย จากนั้นราดน้ำซอสจาจังมยอนลงไป ตกแต่งด้วยพริกสดหั่นและแตงกวาหั่น อาหารเกาหลีง่ายๆ ถือเป็นอันเสร็จพร้อมรับประทาน 

เคล็ด(ไม่)ลับการทำเมนูจาจังมยอน ให้ได้เส้นเหนียวนุ่ม เคี้ยวแล้วฟินถึงใจ

จาจังมยอน

เราจะสังเกตได้ว่า อาหารเกาหลีในซีรีส์ ส่วนใหญ่มักจะเป็นอาหารประเภทเส้น และเส้นเหล่านั้นก็ดูเหนียวนุ่มหนุบหนับ ชวนรับประทานอย่างมาก สำหรับเคล็ดลับการทำ จาจัง มยอน ให้ได้เส้นเหนียวนุ่มก็คือ หลังจากลวกเส้นจนสุกแล้วอย่าเพิ่งนำเส้นออกจากหม้อ แนะนำให้ต้มต่อแล้วเทน้ำเปล่าลงไปอีกสัก 1-2 ถ้วย จากนั้นใช้ตะเกียบคนไปเรื่อย ๆ สักพักหนึ่ง เสร็จแล้วนำเส้นสุกไปล้างด้วยน้ำสะอาดพร้อมจัดเสิร์ฟ จะได้เส้นเหนียวนุ่ม ทานกับ ซอสจาจังมยอน แล้วอร่อยฟินถึงใจแน่นอน

ไขข้อข้องใจจาจังมยอน จาจังเมียน ต่างกันยังไง

จาจังมยอน

หลายคนอาจกำลังสับสนเกี่ยวกับชื่อเมนูอาหารเกาหลีอย่างจาจังมยอนว่าจริง ๆ แล้วมีความเหมือนหรือต่างอย่างไรกับจาจังเมียน ต้องบอกก่อนว่า จาจังมยอนทำมาจาก เส้นบะหมี่เกาหลีและน้ำซอสสีดำ โดยคำว่า “จาจัง” แปลว่า น้ำซอสผัด และคำว่า “มยอน” แปลว่า เส้นบะหมี่ รวมกันเป็น “Jajangmyeon” ซึ่งอ่านว่าจาจังมยอน หรือจาจังเมียนก็ได้ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าทั้งสองชื่อคือเมนูเดียวกัน 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
สูตรอาหาร

รู้จักเมนู จัมปง อาหารเกาหลียอดนิยม พร้อมแบ่งปันสูตรการทำง่าย ๆ สไตล์โคเรีย 

จัมปง

หากกล่าวถึงเมนูก๋วยเตี๋ยวทะเลเกาหลีอย่าง Jjamppong นอกจากจีนและญี่ปุ่นแล้ว ในเกาหลีใต้ก็ยังจัดให้เป็นอีกหนึ่งเมนูของชาติที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าเมนูนี้จะได้รับอิทธิพลมาจากคนจีน แต่ต้องบอกว่า จัมปง ของเกาหลีนั้นจะมีรสชาติที่แตกต่างออกไป เนื่องจากแต่ละชาติจะชอบรสชาติที่ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามหากใครอยากลองทำเมนูนี้ก็สามารถเลือกใช้วัตถุดิบตามคำแนะนำได้เลย 

จัมปง เมนูอาหารที่กำเนิดในยุคสงคราม และได้รับความนิยมมากในเกาหลี 

จัมปง

จัมปงคือ อาหารเกาหลีที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีน โดยมีต้นกำเนิดอยู่แถวเมืองท่า ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองอินชอนในสมัยก่อน พื้นที่ดังกล่าวจะมีชาวจีน-เกาหลีอาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้อาหารจีนถูกเผยแพร่และได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามอาหารเกาหลีหลาย ๆ เมนู รวมถึง จัมปงมักจะมีรสชาติสไตล์เกาหลีเป็นส่วนใหญ่ นั่นทำให้รสชาติถูกปากคนในพื้นที่จนกลายเป็น อาหารเกาหลียอดฮิต มาจนถึงทุกวันนี้ 

แบ่งปันสูตรการทำ จัมปง แบบง่าย ๆ ที่บ้าน ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ใครทำก็อร่อย

จัมปง

สำหรับใครที่เคยเห็นเมนูนี้ในซีรีส์เกาหลี บอกเลยว่าคุณควรลองทำทานเองสักครั้ง เพราะนี่คืออีกหนึ่งเมนู อาหารเกาหลีง่ายๆ ที่มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน แต่อาจจะต้องใช้วัตถุดิบและส่วนผสมเยอะหน่อย อย่างไรก็ตามเมนูก๋วยเตี๋ยวทะเลรสแซ่บอย่างจัมปง นั้นก็จะเต็มไปด้วยสารอาหารหลายชนิด รับรองว่าทานแล้วได้ทั้งอิ่มและอร่อยอย่างแน่นอน มาดูกันว่า สูตรจัมปง ที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้มีวิธีการทำอย่างไรบ้าง 

วัตถุดิบการทำ จัม ปง

จัมปง
  1. เส้นอุด้ง 160 กรัม
  2. กุ้ง (แกะเปลือกเด็ดหัวผ่าหลังเอาเส้นดำออก) 4 ตัว
  3. หอยแมลงภู่ 3 ตัว
  4. หอยตลับ 3 ตัว
  5. หมึกหั่นแว่น (น้ำหนัก 120 กรัม) 1 ตัว
  6. เห็ดหอม 2 ดอก
  7. หอมใหญ่หั่นเสี้ยว 1/2 ลูก
  8. แครอทหั่นเสี้ยว 1/2 หัว
  9. กะหล่ำปลีหั่น 1/2 หัว
  10. ผักกาดขาว 3 ใบ
  11. กวางตุ้งฮ่องเต้ 3 ต้น
  12. ต้นหอมยักษ์ซอย 1 ต้น
  13. พริกเขียวเกาหลี 3 เม็ด
  14. พริกป่นเกาหลี 2 ช้อนโต๊ะ
  15. ผงปรุงรสไก่ 1 ช้อนชา
  16. เกลือสมุทร 1 ช้อนชา
  17. ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนชา
  18. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนชา
  19. พริกไทย (ใส่นิดหน่อย)
  20. น้ำเปล่า 3 1/2 ถ้วย
  21. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  22. ต้นหอมญี่ปุ่นซอย (สำหรับโรยหน้า) 

วิธีทำจัมปง

จัมปง
  1. ขั้นตอนการทำ จัม ปง ตั้งกระทะและเปิดไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป เมื่อน้ำมันเริ่มร้อนแล้วใส่ต้นหอมยักษ์ซอย ผัดจนมีกลิ่นหอม ใส่เห็ดหอม หอมใหญ่ แครอท กะหล่ำปลี ผักกาดขาว กวางตุ้งฮ่องเต้ และพริกเขียวเกาหลี 
  2. ผัดให้พอสลด ปรับไฟให้อ่อนลง ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง และพริกป่นเกาหลี เสร็จแล้วผัดจนหอมแล้วเติมน้ำเปล่าลงไป จากนั้นปรับเป็นไฟแรง
  3. ปรุงรสเพิ่มด้วยผงปรุงรสไก่ ซอสหอยนางรม และเกลือสมุทร จากนั้นใส่กุ้งลงไป ตามด้วยหอยแมลงภู่ หอยตลับ และปลาหมึก คนให้เข้ากันเล็กน้อย ปิดท้ายด้วยการใส่กระเทียมสับและพริกไทยลงไป เสร็จแล้วปิดแก๊ส พักไว้
  4. ขั้นตอนต่อมาเตรียมลวกเส้นอุด้ง เริ่มจากตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด จากนั้นนำเส้นอุด้งลงไปลวก 3 นาที เสร็จแล้วใช้กระชอนตักเส้นอุด้งขึ้นมาและนำไปล้างน้ำสะอาดประมาณ 2-3 ครั้ง
  5. จัดเส้นอุด้งใส่ถ้วย และตักน้ำซุปราด ตามด้วยเครื่องต่าง ๆ จากนั้นโรยต้นหอมญี่ปุ่นซอยลงไป ถือเป็นอันเสร็จพร้อมรับประทาน 

คำแนะนำสำหรับการปรุงรส จัมปง ก๋วยเตี๋ยวทะเลสไตล์เกาหลี รสชาติดีไม่ซ้ำใคร

จัมปง

อย่างที่ทราบกันดีว่า เมนูอาหารเกาหลี หลายเมนูที่ได้รับอิทธิพลมาจากต่างชาติมักจะถูกปรับสูตรการปรุงให้มีรสสัมผัสถูกปากคนในชาติมากขึ้น เช่นเดียวกับเมนูจัมปง หากต้องการปรุงรสให้อร่อยถูกปากตัวเองมากที่สุด แนะนำให้เลือกใช้เครื่องปรุงที่ตัวเองชื่นชอบ และอาจจะต้องตัดเครื่องปรุงหรือส่วนผสมบางสิ่งบางอย่างออกไป จากนั้นลองปรุงและชิมดูว่าได้รสชาติตามที่ต้องการแล้วหรือยัง 

ไขข้อสงสัยระหว่างจัมปง กับ รามยอน ต่างกันยังไง

หลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่าจัมปงและรามยอน มีความแตกต่างกันอย่างไร เพราะดูเหมือนว่าทั้งสองเมนูจะมีหน้าตาที่คล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วต้องบอกว่า ซุปจัมปง และรามยอนนั้นจะไม่เหมือนกัน เนื่องจากรามยอนเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีรสชาติเฉพาะอยู่แล้ว ส่วน จัม ปง เป็น อาหารเกาหลีในซีรีส์ ที่มีการปรุงรสขึ้นมาเอง เพียงเท่านี้ก็จะเห็นได้ว่าทั้งสองเมนูแตกต่างกันอย่างไร 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
สูตรอาหาร

แบ่งปันสูตรการทำ คิมบับ แบบต้นตำรับเกาหลีแท้ ๆ ทำเองได้ง่าย ๆ อิ่มอร่อยไม่ยุ่งยาก 

คิมบับ

หากใครเคยติดตามซีรีส์เกาหลีคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับเมนูอาหารเกาหลีเมนูหนึ่งที่มีชื่อว่า คิมบับ ถ้าหากมองแรก ๆ ก็อาจจะดูเหมือนอาหารญี่ปุ่นอย่างซูชิ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ซูชิ นั่นทำให้ใครหลายคนเกิดความสงสัยและสนใจเมนูนี้ขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นอาหารเกาหลีที่ดูน่าอร่อยไม่น้อยเลย สำหรับใครที่ยังไม่เคยทานก็อยากจะให้ลองสักครั้ง แล้วจะได้คำตอบเองว่ามันต่างจากซูชิยังไง 

ทำความรู้จัก คิมบับ เมนูอาหารยอดฮิตจากแดนกิมจิที่มีหน้าตาคล้ายซูชิ

คิมบับ

ก่อนอื่นต้องขออธิบายว่า คิมบับคือ เมนูอาหารของเกาหลีที่ใช้วัตถุดิบหลายอย่างมาห่อด้วยแผ่นสาหร่ายและข้าว หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าข้าวห่อสาหร่ายเกาหลี ซึ่งรสชาติจะแตกต่างจากซูชิของญี่ปุ่น แต่ทว่าซูชินั้นได้กำเนิดขึ้นมาก่อน คิม บับ ถือเป็นเมนูอาหารจากเกาหลีที่ทำได้ง่าย เพียงแค่มีวัตถุดิบ เครื่องปรุง และอุปกรณ์สำหรับห่อก็สามารถทำได้แล้ว สำหรับใครที่อยากจะลองทำ อาหารเกาหลียอดฮิต เมนูนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย 

แจกสูตร คิมบับ ต้นตำรับแท้จากเกาหลี เมนูอาหารแสนง่ายที่ใคร ๆ ก็ทำตามได้ไม่ยาก

คิมบับ

หากใครอยากทำ อาหารเกาหลีง่ายๆ ทานเองที่บ้าน เราขอแนะนำเมนูนี้เลย เพราะวัตถุดิบและส่วนผสมต่าง ๆ หาได้ค่อนข้างง่าย แถมยังมีวิธีทำไม่ยากด้วย เมนูนี้ยังได้ถูกยกให้เป็นเมนูดังในบ่อนคาสิโนกันอีกด้วย วันนี้เรามี สูตรคิมบับ มานำเสนอ และอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองทำตามกัน โดยเฉพาะใครที่กำลังฝึกทำอาหารเกาหลี เริ่มต้นด้วย เมนูคิมบับ ถือว่าโอเคเลย หากพร้อมแล้วมาดูวัตถุดิบและส่วนผสม รวมถึงวิธีทำกันเลย 

คิมบับ

วัตถุดิบการทำคิมบับ

  1. สาหร่ายสำหรับห่อข้าว 1 แผ่น
  2. ข้าวหุงสุก 1 ถ้วย
  3. แผ่นโอเด้ง 4 แผ่น
  4. แฮมสำหรับทำคิมบับ 1 แพ็ค
  5. ปูอัด 1 แพ็ค
  6. ผักโขม 200 กรัม
  7. เส้นแครอทขูด 100 กรัม
  8. หัวไชเท้าดอง 100 กรัม
  9. ไข่ไก่ 3 ฟอง
  10. กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  11. ซีอิ๊วขาว 1 + 1/2 ช้อนชา
  12. น้ำมันงา 1 ช้อนชา
  13. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  14. งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
  15. น้ำมันพืช 

วิธี ทำ คิ ม บั บ เกาหลี

คิมบับ
  1. นำผักโขมมาลวกหลังจากน้ำเดือด 10 วินาที เสร็จแล้วนำไปล้างด้วยน้ำเย็นและบีบน้ำออก จากนั้นใส่ในภาชนะ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา, น้ำมันงา 1 ช้อนชา และงาขาวเล็กน้อย คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วพักไว้
  2. นำแผ่นโอเด้งมาหั่นยาวให้ได้ขนาดพอดี ไม่เล็กจนเกินไป จากนั้นนำแฮมมาหั่นยาว พักไว้ ตั้งกระทะเปิดไฟกลาง ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย 
  3. จากนั้นนำโอเด้งลงไปผัด ตามด้วยกระเทียมสับ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา และน้ำตาลทราย 1 ช้อนชา เสร็จแล้วตักใส่ภาชนะ ต่อมานำแฮมมาย่างบนกระทะเล็กน้อย เสร็จแล้วตักใส่ภาชนะ พักไว้
  4. ใส่น้ำมันลงในกระทะเล็กน้อย นำเส้นแครอทขูดลงไปผัดด้วยไฟกลาง ปรุงรสด้วยเกลือและใส่กระเทียมสับเล็กน้อย ผัดให้พอสลดแล้วตักใส่ภาชนะ
  5. ตอกไข่ใส่ถ้วย ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย จากนั้นตีไข่ให้เข้ากัน ต่อมาตั้งกระทะเปิดไฟกลาง ทาน้ำมันลงไปเล็กน้อย เมื่อเริ่มเดือดแล้วเทไข่ลงไปทอดให้พอสุกทั้งสองด้าน เสร็จแล้วนำมาหั่นเป็นเส้นยาวให้ได้ขนาดพอดี
  6. ขั้นตอนต่อมาเตรียมห่อคิมบับ เริ่มจากนำข้าวหุงสุกมาใส่ในภาชนะ ปรุงรสด้วยน้ำมันงา 1 ช้อนชา และโรยงาขาวลงไปนิดหน่อย จากนั้นใช้มือขยำคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  7. นำสาหร่ายมาวางบนเสื่อม้วนคิมบับ โดยหงายสาหร่ายที่เป็นด้านขุ่นขึ้นแล้วคว่ำด้านเงาลง ต่อมานำข้าวที่เตรียมไว้เมื่อสักครู่มาวางบนสาหร่ายให้ทั่ว เหลือไว้เพียงส่วนหัวด้านบน
  8. นำเครื่องทั้งหมดที่เตรียมไว้มาวางบนข้าว รวมถึงหัวไชเท้าดองด้วย โดยวางในตำแหน่งด้านล่างเกือบตรงกลางของแผ่นสาหร่าย ให้วางแบบทับซ้อนกันเป็นชั้น ๆ 
  9. สำหรับ วิธีม้วนคิมบับ ให้ทำในลักษณะเดียวกับการห่อซูชิ หรือถ้าต้องการชิ้นใหญ่ก็สามารถห่อเป็น คิมบับสามเหลี่ยม ได้เลย
  10. เมื่อห่อเสร็จแล้วให้ทาน้ำมันงาจนทั่วคิมบับเพื่อกันแตก รวมถึงทาน้ำมันงาลงบนใบมีดด้วย เพื่อป้องกันข้าวติดใบมีด เสร็จแล้วใช้มีดหั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดพอดีคำ จัดใส่จานเสิร์ฟ ถือเป็นอันเสร็จ 

เคล็ดลับทำอย่างไรให้คิมบับ มีรสสัมผัสที่อร่อยใกล้เคียงกับเกาหลีแท้มากที่สุด

คิมบับ

การทำ เมนูอาหารเกาหลี ให้ได้รสสัมผัสใกล้เคียงกับต้นตำรับนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราจะต้องมีวัตถุดิบและส่วนผสมของเกาหลีแท้ ๆ จึงจะทำออกมาให้เหมือนได้ สำหรับเมนูนี้จะมีหน้าตาคล้ายกับซูชิของญี่ปุ่น แต่ทว่ารสชาตินั้นจะแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน เพราะคิมบับจะไม่มีรสเปรี้ยวเหมือนซูชิ แต่จะมีรสออกหวานและหอมกลิ่นน้ำมันงา ฉะนั้นหากต้องการคิมบับแบบ อาหารเกาหลีในซีรีส์ แท้ ๆ จะต้องไม่ลืมที่จะใส่น้ำมันงาลงไปด้วย 

ไขข้อข้องใจ คิมบับ กับ ซูชิ ต่างกันยังไง

คิมบับ

หลายคนอาจสงสัยว่าระหว่างเมนู คิม บับ ของเกาหลี และซูชิของญี่ปุ่น มีความแตกต่างกันอย่างไร เพราะหน้าตาคล้ายคลึงกันพอสมควร จริง ๆ แล้วทั้งสองเมนูค่อนข้างต่างกัน สำหรับ คิมบับ จะปรุงรสด้วยน้ำมันงา ส่วนไส้มักจะเป็นของสุกหรือของหมักดอง มีความหอมของน้ำมันงาและงาขาวคั่ว และรสชาติออกหวาน ในขณะที่ซูชิจะปรุงรสข้าวด้วยน้ำส้มสายชู ส่วนไส้จะเป็นได้ทั้งของดิบและของสุก รสชาติออกเปรี้ยว ทานคู่กับวาซาบิหรือโชวยุ 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

Categories
สูตรอาหาร

แจกสูตร ไก่ทอด เกาหลี ซอสโคชูจัง เมนูยอดฮิตจากแดนกิมจิที่ไม่ควรพลาด 

ไก่ทอด เกาหลี

เมื่อนึกถึงเมนูไก่ทอดแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเมนูอาหารที่ทำได้ค่อนข้างง่ายและได้รับความนิยมทั่วโลก โดยแต่ละพื้นที่จะมีสูตรการทำไก่ทอดที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ได้รสชาติอร่อยถูกปากมากที่สุด สำหรับบทความนี้เราขอนำเสนอเมนูอาหารง่าย ๆ จากแดนกิมจิ นั่นก็คือ ไก่ทอด เกาหลี เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิตที่หลายคนให้ความสนใจอย่างมาก มาดูกันว่าเมนูนี้มีขั้นตอนและวิธีทำอย่างไรบ้าง 

ทำความรู้จักเมนู ไก่ทอด เกาหลี อาหารรสเด็ดทำง่าย อร่อยได้ไม่ยาก

ไก่ทอด เกาหลี

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเมนูไก่ทอดของเกาหลีกันก่อน ไก่ทอดเกาหลี เป็นเมนูอาหารเกาหลีที่มีการนำไก่ไปหมักกับส่วนผสมต่าง ๆ แล้วนำไปทอดจนสุก ซึ่งนิยมรับประทานกับข้าวหรือเมนูต่าง ๆ ที่เข้ากันได้ดี ต้องบอกว่าไก่ทอดเกาหลี นั้นจะแตกต่างจากไก่ทอดอื่น ๆ ตรงที่ว่ามีการนำมาคลุกกับซอสให้เข้ากันก่อนจะรับประทาน ซึ่งถือเป็น เมนูอาหารเกาหลี ที่มีหน้าตาน่ารับประทานมากเลยทีเดียว 

สูตรการทำไก่ทอดเกาหลี ด้วยตัวเองที่บ้าน ทำตามได้ง่าย ๆ สไตล์โฮมคุก

ไก่ทอด เกาหลี

แม้ว่าไก่ทอดจะเป็นเมนูที่สามารถทำได้ง่าย ๆ แต่ทว่าไก่ทอดของเกาหลีนั้นอาจจะต้องมีการเตรียมส่วนผสมให้ครบ จึงจะทำให้มีรสชาติคล้ายต้นตำรับมากที่สุด ในปัจจุบัน เมนูไก่ทอด เกาหลี ถือเป็นหนึ่งในเมนู อาหารเกาหลียอดฮิต ที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ เพียงแค่มีวัตถุดิบและส่วนผสมครบถ้วน สำหรับโฮมคุกที่อยากลองทำเมนูนี้ทานเอง มาดูกันว่า สูตร ไก่ทอดเกาหลี มีส่วนผสมอะไรและทำอย่างไรบ้าง 

วัตถุดิบการทำ ไก่ทอดซอส เกาหลี

  1. ปีกไก่ 6 ชิ้น
  2. แป้งมันฮ่องกง 1 ช้อนโต๊ะ
  3. พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
  4. เกลือ (ใส่นิดหน่อย)
  5. น้ำมันสำหรับทอด
ไก่ทอด เกาหลี

ส่วนผสม ซอส ไก่ทอดเกาหลี

  1. ซอสโคชูจัง 1 ช้อนโต๊ะ
  2. เนย 1/2 ช้อนโต๊ะ
  3. ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
  6. งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
  7. ต้นหอมซอย
  8. กระเทียมสับละเอียด

วิธี ทำ ไก่ ทอด เกาหลี

ไก่ทอด เกาหลี
  1. ขั้นตอนแรกนำปีกไก่ที่ล้างจนสะอาดและไม่มีกลิ่นคาวแล้วมาหมักกับแป้งมันฮ่องกง พริกไทยป่น และเกลือ หมักทิ้งไว้ 15 นาที
  2. ตั้งกระทะแล้วเทน้ำมันลงไป เปิดไฟกลาง เมื่อน้ำมันเดือดแล้วให้นำปีกไก่ที่หมักไว้ลงไปทอดจนสุก เสร็จแล้วตักออกจากกระทะ พักไว้
  3. ขั้นตอนต่อมาเตรียมทำซอสคลุกไก่ทอดเกาหลี โดยเทน้ำมันลงไปในกระทะ ตามด้วยกระเทียมสับละเอียด ผัดให้เข้ากันจนมีกลิ่นหอม
  4. ใส่เนยลงไป ผัดด้วยไฟอ่อนจนเนยละลาย จากนั้นใส่ซอสโคชูจัง ซอสมะเขือเทศ และน้ำผึ้งลงไปผัดให้เข้ากัน หากซอสแห้งเกินไปให้เติมน้ำเปล่า
  5. เมื่อซอสเริ่มงวดขึ้นแล้ว นำไก่ทอดที่พักไว้ใส่ลงในกระทะแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันกับซอส เสร็จแล้วนำมาจัดใส่จาน โรยหน้าด้วยงาขาวคั่ว และต้นหอมซอย ถือเป็นอันเสร็จ 

เคล็ด(ไม่)ลับทำความสะอาดเนื้อไก่อย่างไรให้เมนู ไก่ทอด เกาหลี อร่อยแบบไม่มีกลิ่นคาว

ไก่ทอด เกาหลี

หากพูดถึงการจัดการกับวัตถุดิบอย่างเนื้อไก่ ต้องบอกว่าทุกเมนูที่ใช้ไก่เป็นวัตถุดิบหลัก โดยเฉพาะเมนู ไก่ทอดเกาหลี ง่ายๆ จำเป็นต้องทำความสะอาดจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีกลิ่นคาว เพราะถ้าหากมีกลิ่นคาวจะทำให้ไม่น่ารับประทาน ฉะนั้นก่อนจะทำเมนูไก่ทอด เกาหลี เราควรขจัดกลิ่นคาวไก่ให้เรียบร้อย โดยใช้เกลือป่นทาให้ทั่วเนื้อไก่แล้วนวดเบา ๆ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีกลิ่นคาวก็สามารถนำไปทอดหรือประกอบอาหารเกาหลีในซีรีส์ ได้เลย 

เทคนิคการทอดไก่ให้อร่อยและสุกอย่างทั่วถึง ช่วยชูรส ไก่ทอดเกาหลี ได้ดียิ่งขึ้น

ไก่ทอด เกาหลี

สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยทำอาหารมาก่อนอาจจะไม่รู้เทคนิคการทอดไก่ให้อร่อยและสุกอย่างทั่วถึงนั้นต้องทำอย่างไร แม้ว่าไก่ทอดเกาหลีจะเป็นเมนู อาหารเกาหลีง่ายๆ แต่หากทอดผิดวิธีก็อาจทำให้ความอร่อยลดลงได้ การทอดไก่ควรใส่น้ำมันลงในกระทะให้เยอะพอที่จะท่วมเนื้อไก่ได้ จากนั้นเปิดไฟกลางและรอให้น้ำมันเดือดหรือมีอุณหภูมิ 170° นำไก่ที่หมักไว้ลงไปทอดในกระทะได้เลย สำหรับใครที่สงสัยว่า ไก่ทอดเกาหลีใช้ซอสอะไร จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าไก่ทอด เกาหลีส่วนใหญ่จะนิยมใช้ซอสโคชูจัง 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
สูตรอาหาร

กุ้งดองเกาหลี เมนูยอดฮิตที่ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน สาวกของดองต้องไม่พลาด!

กุ้งดองเกาหลี

ถ้าหากนึกถึงเมนูอาหารเกาหลีที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเมนู กุ้งดองเกาหลี เป็นหนึ่งในเมนูที่หลายคนนึกถึงและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังถือว่าเป็นเมนูอาหารยอดฮิตในบ่อนคาสิโนของประเทศเกาหลีอีกด้วย ถือเป็นเมนูที่มีวิธีทำง่าย ๆ แต่ได้รสสัมผัสที่ยอดเยี่ยม ใครที่ชอบทานกุ้งดองหรือกุ้งสด ๆ อยู่แล้วก็น่าจะถูกใจกันมากเลยทีเดียว ฉะนั้นเรามาทำความรู้จักกับเมนูดังกล่าวกันว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร 

ทำความรู้จัก กุ้งดองเกาหลี เมนูยอดฮิตจากแดนกิมจิที่ได้รับความนิยมในไทย

กุ้งดองเกาหลี

เรียกได้ว่า กุ้งดองซีอิ๊ว ของเกาหลีเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย โดยเมนูนี้จะนำกุ้งสด ๆ มาดองกับน้ำดองซีอิ๊วหรือน้ำดองที่ทำจากส่วนผสมต่าง ๆ ซึ่งแต่ละสูตรก็จะแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามรสสัมผัสของ กุ้งดอง เกาหลี จะต้องนุ่มเด้ง อร่อยและไม่มีกลิ่นคาว น้ำซีอิ๊วจะต้องซึมเข้าเนื้อกุ้งได้อย่างทั่วถึง ถือเป็น อาหารเกาหลียอดฮิต ที่ต้องใช้เวลาทำอยู่พอสมควร เพราะกว่าจะได้ทานต้องผ่านการดองอยู่หลายวัน 

แจกสูตรการทำ กุ้งดองเกาหลี ด้วยตัวเองง่าย ๆ ได้น้ำดองซีอิ๊วรสเด็ดเผ็ดจัดจ้าน

กุ้งดองเกาหลี

สำหรับใครที่ชอบทานเมนูกุ้งดองสด ๆ ไร้กลิ่นคาว วันนี้เรามี สูตรกุ้งดอง ของเกาหลีมาแนะนำด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทำง่ายมาก ๆ แต่อาจจะใช้วัตถุดิบเยอะหน่อย อย่างไรก็ตามวัตถุดิบหลายอย่างสามารถหาซื้อได้ในประเทศไทย หากใครที่อยากทานกุ้งดองเกาหลี แต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง สามารถนำสูตรที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนี้ไปปรับใช้กันได้เลย โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบ เมนูอาหารเกาหลี ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง 

วัตถุดิบการทำกุ้งดองเกาหลี

กุ้งดองเกาหลี
  1. กุ้ง 1 กิโลกรัม
  2. ต้นหอมยักษ์ 1/2 ต้น
  3. พริกเขียวเกาหลี 2 เม็ดใหญ่
  4. พริกแดง 3 เม็ด
  5. พริกเขียว 3 เม็ด
  6. พริกแห้ง 2 เม็ด
  7. แอปเปิ้ล 1/2 ลูก
  8. หัวหอมใหญ่ 1/2 ลูก
  9. กระเทียม 10 กลีบ
  10. แง่งขิง 7 ชิ้น
  11. มะนาวหั่นบาง 6 ชิ้น
  12. น้ำตาลทราย 163 กรัม
  13. ซอสถั่วเหลืองเกาหลี 395 กรัม
  14. เหล้าจีน 69 กรัม
  15. น้ำลูกบ๊วยดอง 200 กรัม
  16. น้ำเปล่า 520 กรัม
  17. สาหร่ายคมบุ 3 ชิ้น
  18. งาขาวคั่ว

วิธีการทำกุ้งดองเกาหลี

กุ้งดองเกาหลี
  • ขั้นตอนแรกนำกุ้งมาล้างทำความสะอาดด้วยเกลือ และผ่าหลังเอาเส้นดำออกให้เรียบร้อย เสร็จแล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  • ขั้นตอนต่อมานำแอปเปิ้ลและหัวหอมใหญ่มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ต่อมาหั่นพริกแห้ง ต้นหอมยักษ์ แง่งขิง พริกเขียวเกาหลี พริกแดง และพริกเขียว เตรียมไว้
  • นำกุ้งที่สะเด็ดน้ำแล้วมาจัดวางลงในภาชนะสำหรับดอง จากนั้นใส่มะนาวลงไป ตามด้วยพริกแดงและพริกเขียว พักไว้ ตั้งหม้อแล้วเทน้ำเปล่าลงไป 
  • ตามด้วยซอสถั่วเหลืองเกาหลี น้ำลูกบ๊วยดอง เหล้าจีน น้ำตาลทราย สาหร่ายคมบุ ต้นหอมยักษ์ หัวหอมใหญ่ แอปเปิ้ล กระเทียม แง่งขิง พริกเขียวเกาหลี และพริกแห้ง จากนั้นเปิดแก๊สและต้มด้วยไฟแรง
กุ้งดองเกาหลี
  • เมื่อต้มจนเริ่มเดือดได้ประมาณ 5 นาที ให้นำแผ่นสาหร่ายคมบุออกจากหม้อและทิ้งได้เลย จากนั้นเบาไฟลงแล้วต้มต่ออีกสักประมาณ 30 นาที เสร็จแล้วปิดแก๊สและพักไว้ให้เย็น
  • เมื่อน้ำดองซีอิ๊วเย็นแล้วให้นำไปเทลงในภาชนะที่ใส่กุ้งและมะนาวได้เลย เสร็จแล้วปิดฝาและนำไปแช่ตู้เย็น 2 วัน เมื่อครบ 2 วันแล้ว นำออกจากตู้เย็นแล้วเทน้ำดองซีอิ๊วลงในหม้อ 
  • ต้มจนเดือดแล้วปิดแก๊ส หลังจากนั้นพักไว้ให้เย็น เมื่อน้ำดองซีอิ๊วเย็นแล้วให้นำกลับมาเทลงในภาชนะที่มีกุ้งเหมือนเดิม เสร็จแล้วนำไปแช่ไว้ในตู้เย็นอีก 2 วัน
  • เมื่อครบ 2 วันแล้ว นำ กุ้งดอง มาจัดใส่จาน โรยหน้าด้วยกระเทียม พริกแดง พริกเขียว และมะนาว จากนั้นราดน้ำดองซีอิ๊วและโรยงาขาวคั่วลงไป ถือเป็นอันเสร็จพร้อมรับประทาน 

เทคนิคการปรุง กุ้งดองเกาหลี ด้วยตัวเองง่าย ๆ ไม่เหมือนต้นตำรับแต่รสชาติยังอร่อยแซ่บ

กุ้งดองเกาหลี

ต้องบอกว่า สูตรกุ้งดองเกาหลี ที่เราแนะนำอยู่นี้ ส่วนใหญ่จะใช้วัตถุดิบและส่วนผสมจากต่างประเทศ ทั้งนี้วัตถุดิบหลักก็ยังคงเป็นกุ้ง ซึ่งถือว่าหาได้ไม่ยาก แต่ทว่าในส่วนของเครื่องปรุงต่าง ๆ ของ เมนูกุ้งดองเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นซอสถั่วเหลืองเกาหลี เหล้าจีน หรือน้ำลูกบ๊วยดอง เราสามารถปรับเปลี่ยนตามความชอบได้เลย หากไม่มีก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ สิ่งสำคัญคือจะต้องชิมรสชาติของ ซอสดองเกาหลี ว่าถูกปากเรามากน้อยแค่ไหน 

กุ้งดอง ทานกับอะไรถึงจะอร่อยเข้ากันได้อย่างลงตัว

กุ้งดองเกาหลี

จริง ๆ แล้วการทาน กุ้งดองซีอิ้ว เกาหลี อย่างเดียวก็ถือว่าอร่อยแล้ว เพราะตัวกุ้งที่ถูกดองจะดูดซึมน้ำซีอิ๊วเข้าไป ทำให้รสชาติของตัวกุ้งดีขึ้นแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม นับเป็นเมนู อาหารเกาหลีง่ายๆ แต่รสชาติอร่อยมากทีเดียว อย่างไรก็ตามหากใครอยากเพิ่มอรรถรสในการทานกุ้งดองเกาหลีมากขึ้น แนะนำให้ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือจะทานกับสาหร่ายก็อร่อยเข้ากันได้ดี เป็น อาหารเกาหลีในซีรีส์ อีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

Categories
สูตรอาหาร

รู้จัก กิมจิ เมนูอาหารเกาหลียอดฮิต พร้อมสูตรการทำง่าย ๆ ทานได้ทั้งครอบครัว 

กิมจิ

นอกจากอาหารไทยแล้ว ในปัจจุบันอาหารต่างชาติก็ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีคนไทยจำนวนไม่น้อยเลยที่ชื่นชอบทานอาหารต่างชาติที่มีรสชาติถูกปาก ถึงแม้ว่าบางเมนูจะหาทานได้ยากก็ตาม แต่หลายคนก็พยายามที่จะหามาทานให้ได้ เมื่อพูดถึงอาหารต่างชาติที่คนไทยนิยมแล้วก็คงหนีไม่พ้นอาหารเกาหลี และหนึ่งในเมนูยอดฮิตที่หลายคนรู้จักก็คือ กิมจิ เรียกได้ว่าเป็นเมนูดังที่คนไทยได้รับอิทธิพลมาจากซีรีส์เกาหลีแบบเต็ม ๆ กันเลยทีเดียว 

ทำความรู้จักอาหารเกาหลีอย่าง กิมจิ เมนูยอดฮิตติดกระแสในไทย

กิมจิ

กิม จิ คือ ของกินตามประเพณีในอาหารเกาหลี มีรสเปรี้ยวและเผ็ดเล็กน้อย ข้าวผัด กิมจิ ซึ่งนิยมทานเป็นเครื่องเคียงแทบทุกมื้ออาหาร โดยจะนำผักมาหมักดองด้วยเกลือและเครื่องปรุงอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ผักกาดขาวและหัวไชเท้า หมักดองกับผงพริกโกชูการู กระเทียม ต้นหอม ขิง และอาหารทะเลหมักเค็มช็อตกัล ปัจจุบันเมนู ซุป กิมจิได้รับความนิยมอย่างมากในไทย เรียกว่าเมนูกิมจิ นั้นเป็นหนึ่งใน อาหารเกาหลีในซีรีส์ ที่คนไทยหลงใหลเลยก็ว่าได้ 

แจกสูตร กิมจิ เมนูอาหารเกาหลีเต็มไปด้วยคุณประโยชน์ ทำง่าย ทานได้ทั้งครอบครัว

กิมจิ

อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า กิมจิเกาหลี เป็นเมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบค่อนข้างน้อย แต่สามารถทำให้รสชาติอร่อยถูกปากคนทานได้ไม่ยาก นั่นเป็นเพราะว่าซอสกิมจิมีรสชาติดี เมื่อนำมาหมักกับผักแล้วจะยิ่งชูรส กิมจิ ให้อร่อยมากยิ่งขึ้น สำหรับใครที่สงสัยว่า กิ ม จิ สูตร ไหนอร่อย วันนี้เรามีสูตรการทำ เมนูกิมจิ แบบง่าย ๆ พร้อมเคล็ดลับทำอย่างไรให้อร่อยเหมือนต้นตำรับมาฝากด้วย 

วัตถุดิบการทำกิมจิ

  1. ผักกาดขาว 2.5 กิโลกรัม
  2. ต้นหอม 2 มัดใหญ่
  3. เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำเปล่าสำหรับล้างทำความสะอาด
  5. เกลือป่นสำหรับหมักผักกาดขาว
กิมจิ

ส่วนผสมเครื่องหมักกิมจิ

  1. แครอท 1 หัวใหญ่
  2. หัวไชเท้า 1 หัวใหญ่
  3. หอมหัวใหญ่ 1 หัว
  4. สาลี่ 1 ลูก
  5. กระเทียมจีน 1/2 ถ้วยตวง
  6. ขิงหั่นแว่น 5 แว่น
  7. น้ำปลา 10 ช้อนตวง
  8. น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 2 ช้อนตวง
  9. พริกป่นเกาหลีแบบหยาบ 1 ถ้วยตวง
  10. พริกป่นเกาหลีแบบละเอียด 1/3 ถ้วยตวง

ส่วนผสมแป้งกวนสำหรับหมักกิมจิ

  1. แป้งข้าวเหนียว 5 ช้อนตวง
  2. น้ำเปล่า 200 มิลลิลิตร 

วิธีทํากิมจิง่าย ๆ

กิมจิ
  1. ขั้นตอนแรกของการทำ กิม จิ นำผักกาดขาวและต้นหอมมาหั่นให้เรียบร้อย หากต้องการให้กิมจิอยู่ได้นาน ๆ ไม่ต้องหั่นผักกาดขาวเป็นชิ้น ๆ จากนั้นนำไปทำความสะอาดโดยแช่ในน้ำเปล่าและเบกกิ้งโซดาประมาณ 15 นาที เสร็จแล้วล้างด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งและนำขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  2. นำผักกาดขาวมาหมักกับเกลือป่น โรยเกลือให้ทั่วผักกาดขาวแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง โดยในระหว่างนี้ต้องหมั่นคลุกเคล้าผักกาดขาวทุก ๆ 30 นาที นำต้นหอมที่สะเด็ดน้ำแล้วมาหั่นเป็นท่อน ๆ ต่อมานำแครอทและหัวไชเท้ามาล้างทำความสะอาด เสร็จแล้วปอกเปลือกและหั่นซอยเป็นเส้น ๆ เตรียมไว้
  3. ขั้นตอนต่อมาเตรียมทำแป้งกวนสำหรับหมักกิมจิ เริ่มจากใส่น้ำเปล่าและแป้งข้าวเหนียวลงไปในหม้อ จากนั้นคนให้เข้ากันและนำไปกวนด้วยไฟอ่อนจนแป้งสุก เสร็จแล้วพักไว้ให้เย็น เมื่อแช่ผักกาดขาวในน้ำเปล่าและเบกกิ้งโซดาจนครบ 2 ชั่วโมงแล้ว ให้นำมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า พักไว้
  4. ขั้นตอนต่อมาเตรียมทำเครื่องหมักกิมจิ เริ่มจากนำหอมหัวใหญ่มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต่อมาปอกเปลือกสาลี่และกระเทียมจีนให้เรียบร้อย จากนั้นใส่ลงไปในเครื่องปั่น ตามด้วยขิงหั่นแว่นและน้ำปลา ปั่นให้ละเอียดจนเข้ากันดี เสร็จแล้วเทใส่ถาด
  5. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายไม่ฟอกสี ตามด้วยพริกป่นเกาหลีแบบหยาบ พริกป่นเกาหลีแบบละเอียด และแป้งกวนที่เตรียมไว้ จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน ลองชิมรสชาติและปรับตามความชอบได้เลย นำต้นหอมหั่น แครอทและหัวไชเท้า ใส่ลงไปในเครื่องกิมจิ คลุกเคล้าให้เข้ากัน นำผักกาดขาวที่เตรียมไว้ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันกับเครื่องกิมจิ
  6. นำกิมจิใส่ในภาชนะที่มีฝาปิด พยายามกดส่วนผสมลงให้แน่นแล้วปิดฝาไว้ เสร็จแล้วให้ตั้งไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 5 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นต่ออีก 1 คืน ถือเป็นอันเสร็จ อาหารเกาหลียอดฮิต พร้อมรับประทานได้เลย 

เคล็ดลับทำอาหารเกาหลีอย่าง กิมจิ ให้อร่อยตามแบบต้นตำรับ

กิมจิ

การทำ เมนูอาหารเกาหลี อย่างกิมจิให้อร่อยเหมือนต้นตำรับ สิ่งสำคัญคือการหมักผักกาดขาวด้วยซอสกิมจิ หากต้องการให้ซอสกิมจิซึมเข้าสู่ผักกาดขาวได้ดี กิมจิประโยชน์ค่อนข้างหลากหลาย แนะนำให้ใช้มีดผ่าที่โคนผักกาดขาวเล็กน้อย ใช้มือสองข้างดึงออกจากกัน ซึ่งจะทำให้ผิวผักกาดขาวที่ผ่าออกมามีลักษณะขรุขระ เมื่อนำไปหมักจะทำให้ซอสกิมจิ เกาะตัวได้ดีขึ้น หากใช้มีดหั่นจะทำให้ผิวผักกาดขาวเรียบเกินไปและซอส กิมจิโคชูจัง จะเกาะตัวได้ไม่ดีเท่าที่ควร นี่คือเคล็ดลับการทำ อาหารเกาหลีง่ายๆ อย่างกิมจิด้วยวิธีดั้งเดิมของคนเกาหลี 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/ 

Categories
สูตรอาหาร

น้ำพริกปลาทู เมนูเครื่องจิ้มยอดนิยมของไทย ทานกับข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียวก็อร่อย 

น้ำพริกปลาทู

น้ำพริก เป็นเมนูอาหารไทยที่นิยมทานคู่กับผักสดและข้าว โดยเฉพาะผักเครื่องเคียงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลย เพราะจะช่วยทำให้การทานน้ำพริกได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น และไม่ว่าจะทานคู่กับข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียวก็สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี สำหรับบทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเมนู น้ำพริกปลาทู พร้อมกับแชร์สูตรการทำแบบง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำตามได้ไม่ยากด้วย 

น้ำพริกปลาทู เมนูอาหารไทยที่นิยม ทานกันมาอย่างยาวนาน

น้ำพริกปลาทู

การทานน้ำพริกของคนไทยได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมักจะทานคู่กับผักสด และเมื่อนึกถึงเมนูน้ำพริกที่ขึ้นชื่อแล้ว นอกจากน้ำพริกกะปิก็ยังมี น้ำพริก ปลาทู ที่ยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตาม สูตรอาหารไทย โดยทั่วไปจะเป็นการนำพริก กระเทียม หอมแดง ปลาทู และเครื่องเทศต่าง ๆ มาโขลกและตำรวมกัน จากนั้นปรุงรสตามที่ต้องการ ในภาคกลางจะนิยมทำเป็น น้ำพริกปลาทู ไม่ใส่ ปลาร้า แต่ในภาคอีสานมักจะใส่ปลาร้าลงไปด้วย ซึ่งจะทำให้ได้รสชาติที่แตกต่างกัน 

แชร์สูตรการทำ น้ำพริกปลาทู แบบง่าย ๆ ใช้วัตถุดิบไม่เยอะมาก แต่รสชาติไม่ธรรมดา

น้ำพริกปลาทู

อย่างที่บอกไปแล้วว่าการทำ น้ำพริกปลาทูภาคกลาง จะไม่นิยมใส่ปลาร้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลด้วย เรียกได้ว่าเป็นเมนูเครื่องจิ้มของไทยที่ใช้วัตถุดิบไม่เยอะมากนัก แต่เมื่อทำเสร็จแล้วก็ดูน่าทานไม่น้อยเลย สำหรับใครที่สนใจ เมนูอาหารง่ายๆ ทำเอง อย่างน้ำพริก ปลาทู วันนี้เรามีสูตรการทำแบบง่าย ๆ มาฝากด้วย บอกเลยว่าเป็นเมนู อาหารไทย ที่ใครทำก็อร่อยได้ไม่ยาก

วัตถุดิบการทำ เมนูอาหารไทย น้ำพริก ปลาทู

น้ำพริกปลาทู
  1. ปลาทู 3 ตัว
  2. พริกสด 10 เม็ด
  3. กระเทียม 7 กลีบ
  4. หอมแดง 6 หัว
  5. น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  7. ต้นหอมซอย (สำหรับโรยหน้า)
  8. ผักชีซอย (สำหรับโรยหน้า)

วิธีการทำน้ำพริกปลาทู ผักต้ม

น้ำพริกปลาทู
  1. ขั้นตอนแรกตั้งกระทะและเปิดแก๊สโดยใช้ไฟอ่อน เทน้ำมันลงไป เมื่อน้ำมันร้อนแล้วให้นำปลาทูลงไปทอดในกระทะ 
  2. เมื่อทอดจนด้านหนึ่งสุกแล้วให้พลิกกลับด้าน ไม่ควรพลิกไปมาเพราะจะทำให้หนังปลาทูลอกได้ เมื่อทอดจนสุกจนทั่วแล้วให้นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน หลังจากนั้นแกะเอาแต่เนื้อปลาทูแบบไม่ให้มีก้าง
  3. ตั้งกระทะแล้วใส่หอมแดงลงไป ตามด้วยกระเทียมจีน พริกจินดาเขียวและพริกจินดาแดง คั่วให้หอมและสุกเล็กน้อย เสร็จแล้วตักใส่ภาชนะเตรียมตำน้ำพริกปลาทูในขั้นตอนถัดไป
  4. นำส่วนผสมที่คั่วเมื่อสักครู่ลงในครก โขลกให้พอแหลก และใส่เนื้อปลาทูลงไป จากนั้นตำส่วนผสมให้ละเอียดและเข้ากันดี
  5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำมะนาว จากนั้นทำการคลุกเคล้าให้เข้ากันและโขลกอีกครั้ง เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย โรยด้วยต้นหอมซอยและผักชีซอย เสิร์ฟคู่กับผักหรือเครื่องเคียงตามความชอบได้เลย 

เทคนิคคั่วพริก กระเทียมและหอมแดงให้สุกพร้อมกัน เพื่อตำน้ำพริกปลาทู แบบไม่เสียเวลา

น้ำพริกปลาทู

เมนูอาหารไทยยอดฮิต ที่ต้องทำให้พริก กระเทียม และหอมแดงสุกก่อนนำมาตำ ซึ่งเราสามารถใช้วิธีคั่วหรือย่างก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน ในกรณีที่ใช้วิธีการคั่ว แนะนำให้หั่นแบ่งกระเทียมและหอมแดงให้มีขนาดเท่า ๆ กัน เพื่อให้เวลาคั่วทุกอย่างจะได้สุกพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้เราสามารถตำ น้ำพริก ปลาทู ได้เร็วมากขึ้น เพราะถ้าหากกระเทียมและหอมแดงมีขนาดเล็กและใหญ่ปะปนกัน เวลาคั่วจะทำให้สุกไม่พร้อมกันและต้องเสียเวลาในการคั่วมากขึ้นนั่นเอง 

เคล็ดลับการเพิ่มกลิ่นหอมให้กับปลาทู ชวนให้น้ำพริกปลาทูน่าทานมากขึ้น

น้ำพริกปลาทู

น้ำพริก ปลาทูเป็นเมนู อาหารไทยง่ายๆ ที่มีปลาทูเป็นวัตถุดิบหลัก และเคล็ดลับที่จะช่วยทำให้ปลาทูของเรามีกลิ่นหอมและน่าทานมากขึ้น ก็คือการนำปลาทูไปห่อด้วยใบตองหรือฟอยล์ จากนั้นย่างด้วยเตาถ่านหรือเตาแก๊สตามความสะดวก วิธีนี้จะช่วยให้ปลาทูมีกลิ่นหอมมากกว่าปกติ และเมื่อนำไปตำเป็นน้ำพริกปลาทู ก็จะช่วยให้มีกลิ่นหอมน่าทานมากยิ่งขึ้น หรือใครที่ไม่สะดวกก็สามารถนำไปทอดในน้ำมันก็ได้ ซึ่งถือเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ใช้เวลาไม่นานนัก

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/ 

Categories
สูตรอาหาร

ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า เมนูแกงใส่กะทิรสชาติกลมกล่อม ทำง่าย 

ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า

อย่างที่ทราบกันดีว่าคนไทยนิยมทานอาหารคู่กับธัญพืชอย่างข้าวเป็นหลัก และแน่นอนว่าเมนูอาหารไทยที่นิยมทานกับข้าวสวยร้อน ๆ นั้นมีอยู่หลากหลายเมนู ซึ่งแต่ละเมนูก็จะมีรสสัมผัสที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเน้นปรุงให้ได้รสชาติกลมกล่อมเป็นหลัก โดยเฉพาะเมนูแกง บทความนี้ขอนำเสนอสูตรการทำ ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า พร้อมกับเทคนิคและเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยให้เมนูแกงใส่กะทิมีรสชาติกลมกล่อม และกะทิไม่แตกมันด้วย 

เมนู ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า เมนูแกงไทยใส่กะทิ ทานคู่กับข้าวสวยยิ่งอร่อยลงตัว

ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า

ก่อนอื่นต้องบอกว่าเมนู ต้มข่าไก่ นั้นเป็นอาหารประเภทแกงที่มีการใส่กะทิลงไปด้วย นอกจากข่าและเนื้อไก่แล้ว กะทิก็ถือเป็นหนึ่งในส่วนประกอบหลักที่มีความสำคัญกับเมนูนี้ เพราะกะทิจะช่วยให้รสชาติของ ต้มข่าไก่ ใส่เห็ดนางฟ้า เข้มข้นและกลมกล่อมมากขึ้น ซึ่งจะมีความแตกต่างจาก เมนูอาหารไทย ชื่อดังอย่างต้มยำ สำหรับต้มยำนั้นจะเน้นรสชาติเผ็ดจัดจ้าน ในขณะที่เมนูต้มข่า เมนูอาหารไทยยอดฮิต จะมีรสเค็ม หวาน เปรี้ยวและเผ็ดเล็กน้อย 

สูตรการทำ ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า แบบง่าย ๆ กะทิเข้มข้น ไม่แตกมัน

ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า

เมนูอาหารประเภทแกงของไทยหลาย ๆ เมนูจะนิยมใส่กะทิเพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้น บางเมนูจะเน้นให้กะทิแตกมัน แต่สำหรับเมนู ต้มข่า ไก่ ใส่ เห็ด นางฟ้า จะไม่นิยมทำให้กะทิแตกมัน เนื่องจากเป็นอาหารที่เน้นให้มีกลิ่นหอมของสมุนไพรเป็นหลัก นอกจากนี้ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้าจะไม่เน้นรสชาติเผ็ดจัดจ้านด้วย จึงไม่นิยมทำให้กะทิแตกมัน สำหรับใครที่อยากทำเมนู อาหารไทยง่ายๆ ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ เมนูนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่ง เมนูอาหารง่ายๆ ทำเอง ที่น่าสนใจไม่น้อย มาดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลย

วัตถุดิบการทำต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า

  1. สะโพกไก่ 600 กรัม
  2. เห็ดนางฟ้า 300 กรัม
  3. ข่า 70 กรัม
  4. ตะไคร้ 70 กรัม
  5. หอมแดง 70 กรัม
  6. พริกจินดาแดง 30 กรัม
  7. ใบมะกรูด 5 กรัม
  8. ผักชีไทย 10 กรัม
  9. ผักชีฝรั่ง 10 กรัม
  10. พริกแห้ง 15 กรัม
  11. หัวกะทิ 600 กรัม
  12. น้ำเปล่า 900 กรัม
  13. มะขามเปียก 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
  14. น้ำมะนาว 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
  15. น้ำตาลปี๊บ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
  16. น้ำปลา 7 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำต้มข่าไก่

ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า
  • ขั้นตอนแรกของการทำ สูตรอาหารไทย นำเห็ดนางฟ้าที่ล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วมาหั่นและฉีกตามขนาดที่ต้องการ
  • นำข่ามาหั่นแว่นแบบบาง ๆ จากนั้นใช้มีดบุบหอมแดงให้พอแตก หั่นพริกจินดาแดงแบบเฉียง หั่นตะไคร้เป็นแว่น ฉีกใบมะกรูดโดยเอาก้านตรงกลางออก หั่นผักชีไทยและผักชีฝรั่งเป็นท่อน ๆ และคั้นน้ำมะนาว เตรียมไว้
  • หั่นเนื้อไก่เป็นชิ้น ๆ ตามขนาดที่ต้องการ เตรียมทอดพริกแห้ง โดยตั้งกระทะแล้วเทน้ำมันลงไปเล็กน้อย จากนั้นนำพริกแห้งลงไปทอดจนหอมได้ที่ เสร็จแล้วตักใส่ภาชนะ พักไว้
  • เตรียมทำต้มข่าใส่ไก่และเห็ดนางฟ้า ตั้งหม้อแล้วเทน้ำเปล่าลงไปในหม้อ ต้มให้น้ำเดือดแล้วใส่มะขามเปียก ตามด้วยตะไคร้ ข่า หอมแดง และใบมะกรูด ต้มต่อจนน้ำเดือดอีกครั้ง
ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า
  • เมื่อน้ำเดือดได้ที่แล้ว ใส่เนื้อไก่ลงไป ต้มโดยใช้ไฟกลางอีกประมาณ 10 นาที หากมีฟองขึ้นมาให้ค่อย ๆ ตักออก เมื่อต้มไก่จนสุกแล้วให้ใส่เห็ดนางฟ้าลงไป จากนั้นเร่งไฟแรงเพื่อให้น้ำเดือด และค่อย ๆ คนให้ทั่ว
  • เมื่อน้ำเดือดอีกครั้งให้ใส่หัวกะทิลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา เสร็จแล้วค่อย ๆ คนให้เข้ากัน และต้มอีก 2-3 นาที
  • เมื่อน้ำตาลปี๊บละลายดีแล้วให้ลองชิมรสชาติดูว่าเป็นอย่างไร หากยังไม่ได้รสชาติตามที่ต้องการก็สามารถปรุงเพิ่มได้เลย
  • หลังจากต้มจนครบ 2-3 นาทีแล้ว เติมหัวกะทิลงไปอีกเล็กน้อย ตามด้วยใบมะกรูด พริกจินดาแดง พริกทอด ผักชีไทยและผักชีฝรั่ง 
  • เสร็จแล้วปิดแก๊ส เพิ่มความเปรี้ยวด้วยการใส่น้ำมะนาวลงไปและคนให้เข้ากัน ถือเป็นอันเสร็จสำหรับการทำเมนู อาหารไทย ยอดนิยม ทำได้ง่าย

เคล็ดลับการทำต้มข่าไก่ให้ได้น้ำกะทิข้นเนียน และไม่แตกมัน

ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า

วิธีทำต้มข่าไก่ ให้ได้กะทิข้นเนียน น้ำแกงขาวขุ่น และกะทิไม่แตกมัน ควรใส่หัวกะทิหลังจากต้มไก่จนสุกและใส่เห็ดนางฟ้าลงไปแล้ว เพราะถ้าใส่หัวกะทิลงไปตั้งแต่แรกจะทำให้กะทิแตกมันได้ และทำให้เมนูต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้า ดูไม่ค่อยน่ารับประทาน นอกจากนี้การเลือกวัตถุดิบอย่างหัวกะทิก็มีความสำคัญ แนะนำให้เลือกหัวกะทิคุณภาพที่มีความเข้มข้น หรือจะเลือกใช้ กะทิกล่องต้มข่าไก่ สูตรโบราณ โดยเฉพาะก็ได้เช่นกัน 

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://hilo-88.net/ 

Categories
สูตรอาหาร

แกงเทโพหมูสามชั้น เมนูอาหารไทยน่ารับประทาน แจกสูตรการทำอย่างพิถีพิถัน 

แกงเทโพหมูสามชั้น

เมื่อนึกถึงเมนูแกงเด็ดรสชาติเผ็ดจัดจ้านและกลมกล่อม ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ แล้วฟินถึงใจ หนึ่งในนั้นคงจะขาดเมนูเด็ดอย่างแกงเทโพไปไม่ได้ เชื่อว่าหลายคนชอบทานอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะ แกงเทโพหมูสามชั้น ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เรียกว่าเป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่มีทั้งเนื้อสัตว์และผัก ทานกับข้าวสวยแล้วอร่อยเข้ากันมากทีเดียว และบทความนี้ก็มีสูตรการทำแกงเทโพใส่เนื้อหมูสามชั้นมาฝากทุกคนด้วย 

ทำความรู้จักกับ แกงเทโพหมูสามชั้น เมนูอาหารรสชาติเข้มข้น ถูกใจคนไทย

แกงเทโพหมูสามชั้น

ต้องบอกว่าเมนูข้าวแกงนั้นเป็น อาหารไทยง่ายๆ ที่คนไทยนิยมทานกันมาก เพราะข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทยอยู่แล้ว ซึ่งเมนูแกงของไทยหลาย ๆ เมนูก็มีรสชาติจัดจ้าน เมื่อทานกับข้าวก็จะลงตัวมากขึ้น สำหรับ แกงเทโพ สูตรโบราณ จัดเป็นแกงไทยประเภทชักส้มที่มีกะทิ ผักบุ้งและเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบหลัก เดิมจะใส่ปลาเทโพเท่านั้น แต่ในปัจจุบันจะนิยมทำเป็น แกงเทโพ หมูสามชั้น มากกว่า ถือเป็น เมนูอาหารไทยยอดฮิต อีกหนึ่งเมนูที่น่าทานมาก ๆ 

แจกสูตรการทำ แกงเทโพหมูสามชั้น แบบละเอียด พร้อมทำตามได้ไม่ยาก

แกงเทโพหมูสามชั้น

สำหรับใครที่อยากลองทำเมนู แกงเทโพหมู3ชั้น ทานเองที่บ้าน วันนี้เรามีสูตรการทำแกงเทโพหมูสามชั้นแบบพิถีพิถันมาฝากด้วย โดยเรามีเทคนิคและเคล็ดลับการทำแบบละเอียดเพื่อให้มีหน้าตาที่สวยงามและรสชาติอร่อยเข้มข้นตามแบบฉบับของ อาหารไทย สำหรับคนไหนที่กำลังหา เมนูอาหารไทย ประเภทแกง ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ แล้วอร่อยลงตัว ขอแนะนำเมนูนี้เลย เรามาดูวัตถุดิบและส่วนผสม รวมถึงวิธีทำกันดีกว่า 

วิธีการทำ สูตรพริกแกงเทโพ

  1. ขั้นตอนแรกใส่พริกแห้งลงไปในครกแล้วตำให้ละเอียด จากนั้นใส่เกลือลงไปเล็กน้อย ตามด้วยตะไคร้ซอย และตำให้เข้ากัน
  2. จากนั้นใส่หอมแดง + กระเทียม + เมล็ดยี่หร่าที่ตำรวมกันลงไป จากนั้นตำส่วนผสมทั้งหมดให้ละเอียดและเข้ากันดี
  3. เมื่อตำจนส่วนผสมทั้งหมดละเอียดและเข้ากันดีแล้วให้ตักใส่ภาชนะ และเตรียมทำแกงเทโพหมูสามชั้นในขั้นตอนต่อไป 
แกงเทโพหมูสามชั้น

วัตถุดิบการทำ แกงเทโพ หมูสามชั้น

  1. ผักบุ้งเลือกเฉพาะอ่อน ๆ
  2. หมูสามชั้น 300 กรัม
  3. ใบมะกรูด 6 ใบ
  4. พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด
  5. หัวกะทิ 500 มิลลิลิตร
  6. หางกะทิ 300 มิลลิลิตร
  7. พริกแกงเผ็ด 1/2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำมะขามเปียก 1/2 ช้อนโต๊ะ
  10. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ 

วิธีการทำแกงเทโพใส่หมูสามชั้น

แกงเทโพหมูสามชั้น
  1. ขั้นตอนแรกนำผักบุ้งมาล้างทำความสะอาด เสร็จแล้วใช้มือบีบให้ทั่วเพื่อให้ผักบุ้งนุ่มและสามารถดูดซึมน้ำแกงได้ดี จากนั้นนำมาหั่นเป็นท่อน ๆ นำเนื้อหมูสามชั้นมาหั่นเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
  2. ฉีกใบมะกรูดโดยเอาก้านตรงกลางออก นำพริกชี้ฟ้าแดงมาหั่น และผ่าลูกมะกรูดออกเป็น 2 ส่วน จากนั้นนำเมล็ดออกและพักไว้
  3. ตั้งกระทะและเปิดแก๊สโดยใช้ไฟกลาง เทหัวกะทิลงไปผัด ค่อย ๆ เทหัวกะทิลงไปผัดทีละนิด ๆ โดยผัดจนกะทิจับตัวกันเป็นก้อนและแตกมันดี
  4. เมื่อผัดจนกะทิแตกมัน เมื่อมีกลิ่นหอมแล้วให้ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ตามด้วยน้ำมะขามเปียกและน้ำปลา จากนั้นผัดต่อให้เครื่องปรุงทุกอย่างเข้ากันดี
  5. ใส่หมูสามชั้นลงไปและเร่งไฟแรง ผัดให้หมูสามชั้นเข้ากับพริกแกงเผ็ดเมื่อหมูสามชั้นเริ่มสุกระดับหนึ่งแล้วให้เทหัวกะทิลงไปเพิ่มเล็กน้อย คนให้เข้ากัน
  6. ใส่ผักบุ้งลงไปและคนไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ผักบุ้งดำ เมื่อผัดจนผักบุ้งสุกและมีสีเข้มขึ้นแล้ว ใส่หางกะทิลงไปตามปริมาณที่ต้องการ เสร็จแล้วผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  7. เมื่อน้ำแกงเดือดแล้วให้ปรับเป็นไฟกลาง เคี่ยวต่ออีก 5 นาที และบีบน้ำมะกรูดลงไป พร้อมใส่ลูกมะกรูดลงไปด้วย
  8. เมื่อผสมเข้ากันแล้วให้เร่งไฟแรงจนน้ำแกงเดือดอีกครั้ง จากนั้นใส่พริกชี้ฟ้าแดงและใบมะกรูดลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันและปิดแก๊สได้เลย 

เคล็ดลับการผัดผักบุ้ง แกงเทโพหมูสามชั้น ให้ดูสวย ไม่เป็นสีดำคล้ำ

แกงเทโพหมูสามชั้น

ผักบุ้งถือเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญกับเมนู แกง เทโพหมู มากพอสมควร เพราะการผัดผักบุ้งให้ดูสวยงาม ไม่ดำคล้ำ จะช่วยให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น โดยแนะนำให้เคี่ยวจนน้ำแกงเทโพเดือดก่อน จากนั้นใส่ผักบุ้งลงไปและคนไปเรื่อย ๆ และเมื่อน้ำแกงเริ่มแห้งลงก็อย่าเพิ่งเติมน้ำเปล่าหรือกะทิลงไป ควรผัดจนผักบุ้งสุกดีก่อนแล้วค่อยเติมน้ำเปล่าหรือกะทิ เรียกได้ว่าเป็น เมนูอาหารง่ายๆ ทำเอง ที่ต้องใส่ใจมากพอสมควร

เหตุผลที่ต้องผัดกะทิให้แตกมัน

แกงเทโพหมูสามชั้น

ต้องบอกว่า สูตรอาหารไทย โบราณ โดยเฉพาะเมนูแกงรสชาติเข้มข้นจะนิยมเคี่ยวกะทิให้แตกมัน เพื่อให้ได้น้ำแกงสีแดงข้นสวยและน่ารับประทาน เช่นเดียวกับเมนู แกงเทโพ จะเห็นได้ว่าการผัดหรือเคี่ยวกะทิให้แตกมันนั้นสำคัญมาก ๆ ซึ่งต้องเคี่ยวด้วยไฟอ่อนเป็นเวลานาน จึงจะทำให้กะทิแตกมันสวย และมีลักษณะเหมือนน้ำมันลอยตัวขึ้นมา เมื่อนำพริกแกงลงไปผัดจะทำให้ได้น้ำแกงสีสวย มันและเข้มข้น โดยที่ไม่ต้องใช้น้ำมันใด ๆ เลย หากใครอยากทำเมนูแกงเทโพหมูสามชั้นก็สามารถนำสูตรที่เราแนะนำไปใช้ได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/